กระดานสุขภาพ

คุณป้าตรวจพบเชื้อ HPV ค่ะ ท่านดูกังวลมากเลยค่ะ
Anonymous

2 มีนาคม 2560 14:20:45 #1

คุณป้าไปตรวจแปปสเมียร๋ที่ รพ. พบเชื้อไวรัส HPV ค่ะ ผลการตรวจ HPV 16,18 ผลเป็น negative แต่ other 12 High Risk HPV ผลเป็น positive ทางแพทย์ไม่ได้สั่งยาอะไรให้ แต่ใหุ้ณป้าไปตรวจหา HIV ซึ่งคุณป้าแจว่าคุณพยาบาลหน้าห้องตรวจอธิบายว่าจำเป็นต้องตรวจหา HIV เพราะปกติเชื้อมันจะมาคู่กัน คุณป้าแกเลยเครียดๆกลัวเป็น HIV เลยอยากปรึกษาคุณหมอว่า 1. มันมีโอกาสที่จะเป็น HIV มากน้อยแค่ไหนคะ 2.แล้วการตรวจเลือดนี่เป็นขั้นตอนหนึ่งในการรักษา วิเคราะห์ จำแนกโรค หรือเปล่าคะ 3.ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในระหว่างรอผลการตรวจจากแพทย์คะ เพราะกว่าแพทย์จะนัดก็อีก 1 เดือนน่ะค่ะ รบกวนด้วยนะคะ ท่านเครียดมากเลยค่ะ
อายุ: 52 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.98 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

4 มีนาคม 2560 15:26:04 #2

หูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัส Human papillomavirus (HPV) ซึ่งมีประมาณ 100 กว่าสายพันธุ์ ซึ่งพบว่ามี 2 สายพันธุ์คือ 16 และ 18 ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกประมาณ 70% และเนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นเดียวกับโรคเอดส์ มีการศึกษาพบว่าคนที่เป็นหูดอาจจะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่าคนที่ไม่เป็นหูด แต่ไม่ใช่หมายความว่าถ้าเป็นหูดแล้วจะต้องเติดเชื้อเอดส์ด้วย สำหรับการตรวจเลือดเอส์นั้น วิธีที่ตรวจได้เร็วที่สุดหลังมีความเสี่ยงคือการตรวจด้วยด้วยวิธี NAAT คือการตรวจส่วนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถตรวจได้เร็วขึ้น คือประมาณ 1 อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง แต่จะมีตรวจเฉพาะห้องแล็บใหญ่ๆและมักใช้ในงานวิจัย เนื่องจากมีราคาแพง แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีที่ใช้กันทั่วไป คือ GEN 4 ซึ่งเป็นการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงประมาณ 3-4 อาทิตย์ ถ้าผลเป็นลบ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่ควรตรวจซ้ำหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ซึ่งถ้าผลเป็นลบก็ไม่ติดเชื้อ และการตรวจในปัจจุบันมีชุดการตรวจที่รู้ผลเร็ว สามรถรู้ได้ใน 30-60 นาที ในกรณีของคุณป้า ถ้าต้องการรู้ผลเร็ว ก็สามารถไปตรวจทางห้องแล็บที่มชุดตรวจแบบเร็วหรือไปที่คลินิกนิรนามที่รพ. จุฬา และควรจะให้สามีของป้าไปตรวจด้วย ผู้ที่มีสิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจรักษาการติดเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ คือ ถ้ายังไม่ติดเชื้อหรือสงสัยว่าจะติดเชื้อ จะสามารถตรวจเลือดเอดส์ได้ปีละ 2 ครั้ง โดยไม่ต้องเสียค่าตรวจ สามารถใช้บริการได้ตาม รพ. ที่มีสิทธิอยู่ หรือถ้าไม่สะดวก ก็อาจใช้บริการตาม รพ. รัฐบาลทุกแห่ง โดยการแสดงบัตรประชาชน และเมื่อพบว่าติดเชื้อ ก็จะมีการตรวจภูมิต้านทาน หรือ ซีดีโฟร์ (CD4) และให้กินยาต้านไวรัสโดยไม่ต้องเสียค่ายาและค่าตรวจภูมิต้านทาน นอกจากนี้จะมีการตรวจจำนวนไวรัสในเลือด (viral load) ปีละ 1 ครั้ง เพื่อดูว่าการรักษาได้ผลดีหรือไม่ มีคำแนะนำเพิ่มเติม คือวินัยของการกินยามีความสำคัญมาก ถ้ากินยาถูกต้อง ครบมากกว่า 95% การรักษาจะได้ผลดีมาก แต่ถ้ากินยาไม่ครบ ลืมกิน หรือกินไม่ตรงตามเวลาที่กำหนด ก็มีโอกาสดื้อยาได้