กระดานสุขภาพ

สิ่งแปลกๆบนดวงตา
Anonymous

11 กุมภาพันธ์ 2560 15:27:33 #1

เวลาผมมองแสงจ้าๆหรือแสงหลอดไฟจะเห็นเป็นฝ้ากลมๆบนภาพแบบนี้ครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/643b1-35001-1.jpg

พอผมเหลือกตาไปมองด้านบนผมเห็นเหมือนมีบริเวณหนึ่งตาซ้ายดำจางๆขนาดประมาณนิ้วโป้ง

พอหรี่มากๆในบางครั้งที่มีแสงมากพอหรือหยอดน้ำตาเทียมจะเห็นอะไรลอยบนภาพคล้ายๆกับแบคทีเรียที่ส่องกล้องแบบนี้ครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/643b1-35001-2.jpg

ใช้คอมเกินชม.ผมจะเริ่มปวดหัวด้านหลังและอื่นๆ มีอาการตาแห้งแพ้แสง

ผมเป็นอะไรมากไหมครับ

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 164ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.85 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.มณฑากร อภิญญาณกุล

จักษุแพทย์

3 มีนาคม 2560 03:47:00 #2

จากอาการที่กล่าวมานั้น การมองแสงจ้าๆ แล้วเห็นภาพไม่ชัด อาจเกิดจากอาการตาแห้งได้ค่ะ เมื่อกระจกตาแห้งจะทำให้การหักเหของแสงบนกระจกตามีความผิดปกติ ทำให้แสงแตกกระจาย ทำให้เห็นภาพไม่ชัด มีลักษณะเป็นวงกลมๆ อาจมีสีเหมือนรุ้งได้ด้วยค่ะ ให้ลองหลับตาดูค่ะ หรือกระพริบตา หากอาการเกิดจากปัญหาของตาแห้งอาการก็จะดีขึ้นหลังจากกระพริบตาหรือหลับตาค่ะ ซึ่งการมองแสงจ้าๆ อาจทำให้การระเหยของน้ำตาบนกระจกตามีการระเหยเร็วขึ้นได้ โดยอาการตาแห้งนั้นแบ่งเป็นชนิดใหญ่ๆ ได้ 2 ชนิดค่ะ แต่สามารถเป็นร่วมกันทั้งสองชนิดได้นะคะ คือ เกิดจากการสร้างน้ำตาไม่เพียงพอ หรือเกิดจากการระเหยของน้ำตาเร็วกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากการมีต่อมไขมันที่บริเวณเปลือกตาอุดตัน (Meibomian gland obstruction) ค่ะ หากอาการเป็นมากช่วงเช้า โดยอาการมีตั้งแต่แสบร้อนที่ตา รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในตา มีอาการแดงที่เปลือกตาหรือเยื่อบุตาได้ มีอาการตามัวหรือเคืองตา มักเกิดจากการระเหยของน้ำตาเร็วกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากการมีต่อมไขมันที่บริเวณเปลือกตาอุดตัน (Meibomian gland obstruction) ได้ค่ะ ซึ่งโดยปกติน้ำตาของเราจะแบ่งเป็นชั้นของเยื่อเมือกที่ทำหน้าที่ทำให้น้ำตามีการกระจายตัวได้ทั่วทั้งตา ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำตาในส่วนชั้นที่อยู่ในสุด ต่อมาเป็นส่วนของน้ำตาที่เป็นน้ำเป็นส่วนประกอบใหญ่สุดของน้ำตานั้นเอง และส่วนที่อยู่นอกสุดนั้นเป็นน้ำตาที่มีไขมันเป็นองค์ประกอบ ซึ่งผลิตโดยต่อมไขมันที่บริเวณเปลือกตา (Meibomian gland) นั่นเอง ดังนั้นหากต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน (Meibomian gland obstruction) ก็จะทำให้ชั้นของน้ำตาในชั้นนี้บกพร่อง ทำให้น้ำตามีการระเหยเร็ว ทำให้เกิดอาการตาแห้งขึ้น หากต้องการการตรวจเพื่อยืนยันภาวะนี้ ทำได้โดยการตรวจค่าการระเหยของน้ำตา (tear break up time) และการตรวจต่อมไขมันที่บริเวณเปลือกตา (Meibomian gland) โดยตรวจลักษณะของต่อมว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ตรวจสารคัดหลั่งของต่อมไขมันที่บริเวณเปลือกตา (Meibomian gland)ว่ามีลักษณะอย่างไร รวมทั้งการตรวจลักษณะของน้ำตา หากพบน้ำตามีลักษณะเป็นฟอง โดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาล่าง ก็อาจบ่งบอกถึงภาวะตาแห้งที่เกิดจากการระเหยของน้ำตาเร็วกว่าปกติได้ โดยการตรวจเพื่อยืนยันภาวะนี้นั้นจำเป็นต้องทำโดยจักษุแพทย์ค่ะ รวมไปถึงหากผู้ป่วยมีภาวะตาแห้งมากๆ ก็อาจทำให้เกิดแผลที่กระจกได้ รวมถึงมีการติดเชื้อที่กระจกตาได้ง่ายกว่าคนปกติค่ะ

ในเรื่องการรักษานั้น จำเป็นต้องดูตามความรุนแรงของโรคว่าอยู่ในขั้นไหนค่ะ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการทำงานโดยจอคอมพิวเตอร์นั้นกระตุ้นให้เกิดอาการมากขึ้น เนื่องจากขณะที่เราจ้องจอคอมพิวเตอร์จะทำให้เรามีการกระพริบตาลดลง ทำให้น้ำตามีการระเหยมากขึ้น ดังนั้นจึงควรมีการพักสายตาเป็นระยะๆ ขณะทำงานคอมพิวเตอร์ อาจจะเป็นทำงาน 20 นาที แล้วหลับตาสักครู่ ก็จะช่วยได้ค่ะ รวมทั้งการปรับความสว่างของจอไม่ให้มีความสว่างมากเกินไปก็จะช่วยได้เช่นกันค่ะ

รวมถึงการแก้ไขภาวะต่อมไขมันที่บริเวณเปลือกตาอุดตัน (Meibomian gland obstruction)

1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีลม ซึ่งจะทำให้น้ำตามีการระเหยที่เร็วมากขึ้น เช่น ในห้องแอร์บริเวณที่แอร์เป่าอยู่ หรือพัดลมก็ได้ค่ะ หากอยู่ที่แจ้งและมีลมมาก การใส่แว่นกันแดด และหมวกก็จะช่วยได้ค่ะ

2.การประคบอุ่นและนวดเปลือกตา ทำได้โดยการใช้เจล หรือไข่ต้ม ที่มีความอุ่นประมาณวางไว้หลังมือแล้วทนได้ ประคบเปลือกตาในขณะหลับตา ประมาณ 4 นาที จากนั้นนวดตาโดยเปลือกตาบนให้นวดจากบนลงล่าง เปลือกตาล่างให้นวดจากล่างขึ้นบนค่ะ จากนั้นเช็ดตา อาจใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดตาสำเร็จรูป หรือใช้แชมพูเด็กสูตรที่ไม่ระคายเคืองผสมน้ำ อาจใช้น้ำ 1/2-1 แก้วแล้วผสมแชมพู 1-2 หยด นำสำลีหรือไม้พันสำลีชุบผลิตภัณฑ์เช็ดตาสำเร็จรูป หรือน้ำผสมแชมพู เช็ดเปลือกตาจากหัวตาไปหางตาค่ะ เน้นที่ต่ำแหน่งของต่อมไขมันที่เปลือกตาซึ่งจะอยู่ถัดจากขนตาเข้ามาข้างในเล็กน้อย หากทำได้ลำบากอาจเน้นบริเวณขนตาแทนก็ได้ค่ะ ถ้าเช็ดแล้วรู้สึกเจ็บ แสดงว่าเราเช็ดในต่ำแหน่งลึกเกินไป อาจไปโดนเยื่อบุตาข้างใน ซึ่งเป็นอันตรายได้ค่ะ ทำวันละ 1-2 ครั้งค่ะ

3.หากมีอาการมากอาจช่วยได้โดยการใช้น้ำตาเทียมค่ะ

4.ในรายที่เป็นมากอาจทำได้โดยการใช้ยากินร่วมด้วย ซึ่งควรให้จักษุแพทย์ตรวจก่อนค่ะ

5.อาหารเสริมจำพวก โอเมกา 3 ก็อาจช่วยได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการวิจัยถึงประสิทธิภาพที่ชัดเจน และควรระวังผลข้างเคียงหากมีการรับประทานมากเกินไปด้วยค่ะ

แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากกระพริบตาหรือหลับตา ควรมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจวัดค่าสายตา การตรวจกระจกตา การตรวจความดันลูกตา เป็นต้น ค่ะ

ปัญหาเรื่องการเห็นเหมือนจุดดำๆ ลอยไปมาในตานั้น (floater) มักเกิดจากภาวะน้ำวุ้นตาเสื่อม ซึ่งมักเป็นในคนที่มีอายุค่อนข้างมาก หากเป็นในคนที่มีอายุน้อย อาจมีปัจจัยกระตุ้นทำให้น้ำวุ้นตาเสื่อมเร็วขึ้น เช่น เคยมีการอักเสบในลูกตามาก่อน การมีสายตาสั้น การได้รับอุบัติเหตุทางตามาก่อน เป็นต้น หรือเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ดังนี้

- มีการลอกตัวของน้ำวุ้นตาด้านหลัง (posterior vitreous detachment)

- จอประสาทตาหลุดลอก (retinal detachment)

- จอประสาทตามีรูฉีกขาด (retinal tear)

- มีเลือดออกในน้ำวุ้นตา (vitreous hemorrhage)

- มีการอักเสบในลูกตา (uveitis, vitritis)

- มีการติดเชื้อของตาบางชนิด (toxoplasmosis)

ดังนั้นจะเห็นว่าการมีจุดดำๆลอยไปมาในลูกตานั้นมีสาเหตุได้หลายอย่าง จึงควรมีการตรวจเพิ่มเติมโดยจักษุแพทย์อีกครั้ง เช่น การตรวจการอักเสบของลูกตา การขยายม่านตาเพื่อดูจอประสาทตา หรือน้ำวุ้นตา หรือการติดเชื้อในลูกตา เป็นต้น

ส่วนปัญหาเรื่อง การปวดหัวด้านหลังหลังการใช้คอมพิวเตอร์ อาจเป็นปัญหาจาก computer syndrome ค่ะ