กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนมาผิดปกติ
Anonymous

7 มกราคม 2560 15:44:46 #1

ปกติดิฉันเป็นคนที่ประจำเดือนมาตรงตลอด แต่เดือนธันวาที่ผ่านมา ประจำเดือนดิฉันมาช้าไป 1 อาทิตย์ ตอนที่ประจำเดือนมาช้าไป 5 วัน ดิฉันซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจ แต่ก็ปกติไม่มีการตั้งครรภ์ หลังจากนั้นอีก 2 วัน มีเลือดออกแค่พอติดกางเกงใน และวันรุ่งขึ้นก็หายไป อีก 5 วันต่อมา ดิฉันก็มีเลือกออกอีกเหมือนประจำเดือนมา แต่มาไม่เยอะเหมือนทุกๆครั้งที่เป็นประจำเดือน เป็นอยู่ประมาณ 4 วัน แล้วก็หาย หลังจากนั้นอีก 5 วันต่อมา ก็มีเลือดออกอีก แต่ก็มากะปิดกะปอย ใส่แค่แผ่นอนามัยก็เอาอยู่ ดิฉันจึงไปหาหมอ แต่หมอก็ไม่ได้ตรวจอะไรมาก แค่กดๆท้องดู แต่ดิฉันไม่เจ็บตอนที่หมอกดท้องนะคะ หมอเลยให้ดูอาการอีก 1 อาทิตย์ว่าเลือดจะหยุดหรือไม่ หากไม่หยุดให้ฃฃกลับไป หมอสันนิษฐานว่า อาจจะท้องนอกมดลูกหากเลือดยังไม่หยุด หรือ อาจจะเป็นช่วงที่ตัวอ่อนฝังตัว ทำให้มีเลือดออก ไม่ก็ฝังตัวแล้วแต่ไม่แข็งแรงเลยหลุด จึงเป็นสาเหตุให้มีเลือดออก และหมอให้ยาบำรุงเลือดมาทาน ชื่อยา Folic acid ดิฉันทานยามาแล้ววันนี้ 7/1/60 เป็นวันที่ 2 วันแรกที่ทานก็ไม่เป็นไร เลือดออกนิดเดียวเหมือนจะหายแล้ว แต่พอมาวันนี้ กลับมาเยอะมาก ก่อนหน้านี้ใส่แผ่นอนามัยก็เอาอยู่ วันนี้ต้องเปลี่ยนเป็นใส่ผ้าอนามัย ดิฉันจึงมีความกังวล ว่าอาการแบบดิฉันจะเป็นอะไรกันแน่ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจนะคะ คิดว่าหากพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นจะกลับไปหาหมออีกครั้ง เพราะรู้สึกกังวล รบกวนคุณหมอ หรือผู้เชี่ยวชาญตอบข้อสงสัยหน่อยนะคะ ว่าอาการแบบดิฉันเสี่ยงที่จะเป็นอะไรบ้างคะ
อายุ: 29 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 58 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.30 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

10 มกราคม 2560 04:16:44 #2

ปกติแล้วหากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีการป้องกันหรือคุมกำเนิดแล้วมีประจำเดือนขาดหายไป อาจมีเลือดออกผิดปกติหลังจากนั้นหรือไม่ก็ได้นั้น ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนะครับ เนื่องจากสาเหตของเลือดประจำเดือนที่ไม่มานั้นอาจเป็นการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ

ส่วนการตั้งครรภ์ไม่ว่าเป็นการตั้งครรภ์ปกติ คืออยู่ในโพรงมดลูก หรือ เป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ คือ นอกมดลูกหรือมีภาวะแท้ง การตรวจการตั้งครรภ์ก็จะตรวจพบได้สองขีดเช่นกันหากตรวจถูกต้องตามที่หมอกล่าวไปเบื้องต้นครับ ดังนั้น หากตรวจแล้วปกติดี คือ ไม่ตั้งครรภ์ครับ ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นควรใช้เมื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้นครับ ไม่ควรมาใช้บ่อยๆ เพราะ นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้ว ยังทำให้เลือดประจำเดือนผิดปกติได้อีกครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ