กระดานสุขภาพ

คันศรีษะ มีตุ่มเม็ดที่หนังศรีษะ มีน้ำเหลืองออก
Pora*****t

18 ธันวาคม 2559 02:49:00 #1

สวัสดีคับ ก่อนหน้านี้ใช้ยาสระผมสำหรับผู้ชายยี่ห้อหนึ่ง ในขณะที่สระผมรู้สึกแซบยิบยิบ และมีตุ้มเม็ดขึ้นมาคับ พยายามเปลี่ยนแชมพูแล้วก้อไม่หาย อาการเริ่มคันศรีษะมากขึ้น ตุ่มขึ้น มีน้ำไหลออกมา ทำให้เกิดเป็นผิวหน้าอักเสบเปนผื่นหนาระหว่างหน้าผาก คิ้ว จอนผม ตอนนี้ใช้ยาสระผมไนเซรัล กับแชมพูเด็กร่วมด้วย อยากขอคำแนะนำในการรักษานะคับ ที่สำคัญจะนอนไม่เต็มอิ่มเลยคับจะต้องตื่นขึ้นมาเกา และจะมีน้ำขนเหนียวออกมา รู้สึกทรมานและรำคาญมากคับ ขอคำแนนะนำในการรักษาหน่อยครับ
อายุ: 28 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 166ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.96 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน

แพทย์โรคผิวหนัง

23 ธันวาคม 2559 04:02:46 #2

จากประวัติ มีอาการคันแสบ มีตุ่ม มีน้ำเหลืองที่หนังศีรษะ ผื่นที่หัวคิ้ว หน้าผาก ไรผม คิดถึงกลุ่มผื่นผิวหนังอักเสบชนิด seborrheic dermatitis มากที่สุดค่ะ ร่วมกับอาจมีการระคายเคืองจากยาสระผมที่ใช้ด้วย

ซึ่งผื่นผิวหนังอักเสบชนิดนี้ มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เกิดเป็นตุ่ม เป็นรังแคที่หนังศีรษะ ผื่นแดงลอกขุยได้

สำหรับสาเหตุการเกิดยังไม่ทราบชัดเจน แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อเชื้อราบางชนิดที่อยู่บริเวณผิวหน้า หนังศีรษะ

โรคนี้มักเป็น ๆ หาย ๆ และสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบได้จากภาวะเครียด อดนอน ไม่สบาย โดนแดด เป็นต้นค่ะ

การรักษา

  1. ใช้ยาสระผมกลุ่มที่ลดอาการอักเสบ เช่นน้ำมันดิน หรือ ketoconazole shampoo
  2. ใช้ยาหยอดลดอาการอักเสบที่หนังศีรษะ เช่น triamcinolone lotion
  3. หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีความเป็นกรด ด่างสูง ล้างหน้า ควรใช้สบู่ที่อ่อนโยน เช่นสบู่เด็ก หรือสบู่ที่มีค่า pH 5
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีฤทธิ์ระคายเคือง เช่น กลุ่มวิตามินเอ วิตามินซี เป็นต้น
  5. ทายาลดอาการอักเสบ เช่น 0.02% triamcinolone cream, ketoconazole cream เป็นต้น และเมื่อมีอาการดีขึ้นแล้ว ควรหยุดการใช้ยา
  6. ทามอยส์เจอร์ที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม ที่หน้า ให้หน้าชุ่มชื้น
  7. หลีกเลี่ยงการโดนแดด และปัจจัยกระตุ้นผื่นอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ ไม่ได้ตรวจร่างกาย (แต่มีประวัติว่ามีน้ำเหลืองออกมาด้วย) อาจบอกความรุนแรงของโรคได้ยากค่ะ ว่าเป็นมากน้อยเพียงใด เพราะถ้ามีอาการมาก อาจจำเป็นต้องได้ยารับประทานร่วมด้วย

แนะนำไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม ซักประวัติ ให้การวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ