กระดานสุขภาพ

ตุ่มที่รูก้น
Thek*****p

9 ธันวาคม 2559 22:15:58 #1

อยากสอบถามรายละเอียด เกี่ยวกับอาการ มีตุ่มๆ ขึ้นแถวรูก้น สาเหตุ และเป็นอะไรครับ ช่วยอธิบายชี้แจง วิธีรักษาหน่อยครับ อยู่ปกติ ไม่มีอาการเจ็บหรือคันแต่อย่างใด แต่จะรู้สึกเจ็บเวลาไปโดน ตามภาพเลยครับ 

http://haamor.com/media/images/webboardpics/thekop_tp-33534-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/thekop_tp-33534-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/thekop_tp-33534-3.jpg

อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 59 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.21 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

14 ธันวาคม 2559 03:33:32 #2

เนื่องจากรูปที่ส่งมาไม่ค่อยชัด เห็นเป็นถุงโป่งและมีติ่งเรนื้อเล็กๆด้วย ซึ่งถ้าคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น เป็นชายรักร่วมเพศ (เกย์) ที่มีการสอดใส่ทางทวารหนีกโดยไม่ใช้ถุงยาง ก็อาจจะมีมีทั้งที่เป็นริดสีดวง คือส่วนที่โป่งออกมาและมีสีคล้ำ สาเหตุของริดสีดวงทวาร มีหลายอย่าง เช่น ลักษณะนิสัยการถ่ายผิดปกติ (ท้องผูก หรือ ท้องเสีย) ออกกำลังกายน้อย รับประทานอาหารที่มีเส้นใยเช่นผักผลไม้น้อย เบ่งอุจจาระนาน อ้วน และนั่งเป็นเวลานานๆ
ถ้าเป็นมากขึ้น เส้นเลือดจะโป่งออก และโผล่ออกมาอยู่ด้านนอกได้ ถ้ามีการรักษาที่ถุกต้อง ตั้งแต่เรื่องสุขอนามัย การกินอาหารประเภทผัก ผลไม้ ดื่มน้ำมากๆ ปรับเรื่องการขับถ่ายซึ่งการฝึกต้องทำบ่อยๆจนเกิดความเคยชิน หรืออาจรักษาด้วยการฉีดยาให้ยุบ การผูกเส้นเลือด การจี้ด้วยเครื่องมือต่างๆ รวมทั้งการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ถ้ารักษาแล้วก็จะไม่เห็นจากภายนอก

ส่วนที่เป็นหูดหงอนไก่คือติ่งเนื้อเล็กๆที่อยู่รอบๆทวารหนัก หูดหงอนไก่ เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papilloma virus) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยขึ้น รักษาโดยการใช้ยา เช่น podophyllin หรือ trichloracetic acid จึ้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ประมาณ 4-6 อาทิตย์ ก็จะหลุด แต่ถ้าไม่หลุด อาจเป็นไปได้ว่ามีหูดอยู่ในรูทวาร แนะนำให้หมอส่องกล้องทางรูทวาร เพื่อดูว่ามีหรือไม่ ถ้ามีอาจต้องใช้ไฟฟ็าจี้ หรือใช้เลเซอร์ อยางไรก็ตามพบว่ามักจะเป็นๆหายๆ และเนื่องจากว่าหูดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ จึงแนะนำให้ตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิสด้วย โดยใช้สิทธิที่มี เช่น บัตรทอง บัตรประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และถ้ามีคู่นอนประจำหรือแฟน ก็ควรจะต้องตรวจรักษาพร้อมกัน และใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีการร่วมเพศ นอกจากนี้มีการศึกษาพบว่าในระยะยาว มีโอกาสที่จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งด้วย โดยสรุป แนะนำหาหมอเพื่อรักษาและติดตามต่อเนื่องครับ