กระดานสุขภาพ

มีตุ่มแดงขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ
Tida*****h

22 พฤศจิกายน 2559 17:38:08 #1

รู้สึกคันตรงอวัยวะเพศ มีตุ่มแดงขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เคยเป็นเชื้อราแต่ยังไม่รู้เลยมีอะไรกับแฟนแล้วแฟนรู้สึกว่ามีผื่นแดงขึ้นรอบอวัยวะเพศ แต่แฟนไม่ได้รักษา ดิฉันรักษาเชื้อราโดยใช้ยาสอด ก็รู้สึกดีขึ้นค่ะ และพอดิฉันคิดว่าหายดีแล้ว ก็มีอะไรกับแฟนอีก แต่ไม่ใช้ครั้งเดียว พอมา ตอนมีอะไรกับแฟนล่าสุดรู้สึกแสบที่อวัยวะเพศและมีตุ่มแดงๆขึ้นค่ะ อยากทราบว่าเป็นอะไร ควรทำอย่างไรบ้างค่ะตอนนี้จะ2อาทิตแล้ว อยากถามหมอว่าเป็นที่ผู้ชายด้วยรึเปล่า จะได้ไปรักษาทั้งคู่ค่ะ
อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 58 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.30 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

29 พฤศจิกายน 2559 04:52:55 #2

หมออาจตอบได้คร่าวๆจากการคาดเดานะครับ ซึ่งหากไม่เคยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนเลย หรือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่การอักเสบบริเวณนี้ มักเกิดจากการอักเสบของต่อมขนหรือต่อมไขมันครับ อาจคล้ายกับหัวสิว อาจหากเองได้ถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำไปครับ และก็ควรดูแลรักษาความสะอาดตามปกติครับ ไม่ให้อับชื้น เป็นต้นครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อนได้ครับ หากอาการไม่ดีขึ้น มีอาการผิดปกติมากขึ้น ก็ควรมาพบแพทย์นะครับ เพราะ โรคในลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้การตรวจรอยโรคครับ และ แนะนำให้สามีไปตรวจด้วยครับ ในเรื่องของอาการตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ