กระดานสุขภาพ

ใต้ตาซ้ายกระตุก ถี่ๆ ไม่ยอมหยุดง่ายๆ
Anonymous

17 สิงหาคม 2559 09:15:56 #1

หนังใต้ตาซ้ายกระตุกถี่ๆๆๆ ไม่ยอมหยุดง่ายๆๆ

 

เป็นบ่อย มาก เป็นหลายวันแล้ว แต่ไม่ทุกวัน

 

สาเหตุจาก อะไรครับ เป็นโรคอะไร

 

กินวิตามินบี แล้ว ก็ไม่เห็นหาย ชอบเป็น

 

เกียวไรกับ โรคติดเชื้อไหม  ไม่ต้องเชื้อ hiv ก็ได้ เชื้อ อืนๆๆ

อายุ: 31 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.63 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

17 สิงหาคม 2559 10:36:51 #2

เป็นแต่ ข้างซ้ายนะครับ
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

19 สิงหาคม 2559 04:10:24 #3

1. กล้ามเนื้อกระตุกเฉพาะที่ (muscle twitches) มีสาเหตุที่เป็นไปได้หลายอย่าง ดังนี้

1.1 ไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่กล้ามเนื้อส่วนนั้นล้าจากการใช้งานมาก นานๆก็กระตุกดึ๊กๆๆได้ แบบนี้หายไปเอง ไม่ต้องทำอะไร

1.2 ภาวะที่เกิดปัญหากับระบบสมอง หรือไขสันหลัง หรือเส้นประสาท เช่น ได้รับบาดเจ็บ หรือมีเนื้องอกกดทับ

1.3 ระบบสมองและประสาทไม่มีอะไรผิดปกติที่ตรวจวัดได้ แต่บางจุดของมันปล่อยสัญญาณไฟฟ้าออกมาดื้อๆ แบบเดียวกับในคนไข้ที่เป็นลมบ้าหมูหรือชัก เพียงแต่เป็นสัญญาณเล็กแค่ให้กล้ามเนื้อเฉพาะที่กระตุกนิดๆ ไม่ถึงกับชักทั้งตัว บางครั้งเป็นอยู่พักหนึ่งแล้วหายไปเอง บางครั้งเป็นแล้วขยายมากขึ้นๆ เอาแน่ไม่ได้ ไม่รู้ด้วยว่าไฟฟ้ามาจากที่ไหน

1.4 ภาวะที่ระดับแร่ธาตุสำคัญบางตัวในร่างกายต่ำผิดปกติ เช่น แคลเซี่ยม หรือโปตัสเซียม หรือแมกนีเซียม อาจะเป็นเพราะกินเข้าไปน้อย หรือมีเหตุให้สูญเสียแร่เหล่านี้ไป เช่นเป็นโรคเกี่ยวกับไต หรือใช้ยาขับปัสสาวะ หรือเป็นโรคที่ทำให้ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ที่คุมระดับแคลเซียม เป็นต้น

1.5 ได้ยาหรือสารบางอย่าง เช่น กาแฟ ยาขับปัสสาวะ ยาแก้คัดจูมกที่มีส่วนผสมของ epinephrine ยารักษาโรคจิตหลายชนิด ยาบ้า ยาฆ่าแมลงพวก organophosphate หรือ ดีดีที. เห็ดพิษ สมุนไพรบางชนิดและพืชพวกมันสัมปะหลัง พวกนี้ทำให้กล้ามเนื้อกระตุก ได้ทั้งนั้น อย่างหมาแมวที่อยู่ใกล้ไร่นาที่เขาฉีดยาฆ่าแมลงบางที่ก็นอนขากระตุกดึ๊กๆๆประจำ บางทีตัวชาวนาเองก็กระตุกไปด้วยเพราะฤทธิ์ของยาพวกนี้

1.6 โรคกังวล อาการหอบเหนื่อยที่ตั้งต้นจากความเครียด (hyperventilation syndrome) หรือโรคกลัวอะไรแบบสุดขีด (panic disorder) ก็ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งและกระตุกได้

2. แนวทางการตรวจวินิจฉัยและรักษากล้ามเนื้อชักกระตุกเฉพาะที่ของแพทย์ คือ

2.1 จะเริ่มด้วยการตรวจร่างกายทางด้านประสาทวิทยาอย่างครบถ้วน เพื่อสรุปผลขั้นต้นก่อนว่ามีสัญญาณว่าเหตุเกิด ณ ที่ใดของระบบสมองและประสาทหรือเปล่า (localizing sign) ก่อน ถ้ามีสัญญาณดังกล่าว ก็เจาะจงเจาะลึกตรวจต่อไปเฉพาะตรงนั้น แต่ถ้าไม่มีสัญญาณผิดปกติใดๆ ก็อาจจะจบม้วนที่หนึ่งแค่นี้ แล้วรอดูเชิงไปก่อน อาจจะนานเป็นหลายเดือน ถ้าอาการมันหายไปก็เลิกกัน ในขั้นตอนนี้มักจะประเมินปัญหาของระบบร่างกายโดยรวมไปด้วย ซักประวัติยาหรือสารเคมีที่ใช้หรือสัมผัสประจำ เจาะเลือดดูระดับแร่ธาตุสำคัญเช่นแคลเซียม และฮอร์โมนสำคัญบางตัวเช่นพาราไทรอยด์ เป็นต้น ถ้าหลังจากรอดูเชิงไปหลายเดือนแล้วอาการไม่หายไป หรืออาการมากขึ้น ก็อาจจะต้องสืบค้นต่อไปอีก คือ

2.2 ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) เพื่อดูว่ามีที่ไหนของระบบปล่อยไฟฟ้าออกมาแบบคนชักหรือเป็นลมบ้าหมูหรือเปล่า ถ้ามีก็รักษาแบบโรคลมชัก (epilepsy) ถ้าไม่มีก็ตรวจต่อไปอีก คือ

2.3 ตรวจภาพของสมอง จะด้วยการทำ brain CT หรือ brain MRI ก็แล้วแต่ เพื่อดูว่ามีเนื้องอกผิดปกติอะไรอยู่ในบริเวณสมองและเส้นทางของเส้นประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อที่กระตุกนั้นหรือเปล่า ถ้ามีก็ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเอาออก

2.4 ถ้าตรวจทุกอย่างข้างต้นแล้วไม่พบอะไร แต่อาการกระตุกดึ๊กๆๆๆ ยังอยู่ ก็คงต้องสรุปการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะกล้ามเนื้อชักกระตุกเฉพาะที่ซึ่งหาสาเหตุโดยเจาะจงไม่ได้ ถ้าอาการมันไม่มากไม่ทำให้คุณภาพชีวิตเสียไปก็ไม่ต้องรักษา แต่ถ้าอาการมันมากจนคุณภาพชีวิตเสียไปก็รักษาด้วยการใช้ยากดไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือยากันชักแบบต่างๆนั่นเอง ซึ่งเป็นยาอันตรายไม่ใช่เล่น หากไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากกินกันหรอก

3. สำหรับคนทั่วไป แนวทางการป้องกันกล้ามเนื้อชักกระตุกเฉพาะที่โดยจำเพาะเจาะจงไม่มีครับ เว้นเสียแต่ว่าจะมีอาชีพคลุกคลีกับสารพิษสารเคมีที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท การป้องกันก็ง่าย คือถ้าเลิกอาชีพนั้นได้ก็เลิกไปซะเลย ถ้าเลิกไม่ได้ก็ต้องหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเวลาทำงาน เช่นหน้ากาก ถุงมือ เป็นต้น