กระดานสุขภาพ

อยากสอบถามอาการที่เป็นอยู่คับ
Anonymous

5 สิงหาคม 2559 16:07:15 #1

บริเวณรูทวารเป็นตุ่มวันดีคืนดีก็อักเสบแล้วแตกไป แล้วก็ยุบลงไม่เจ็บ แต่แล้วก็อักเสบบวมปวดใหม่แล้วแตกก็ยุบเป็นหมุนกันอยู่อย่างนี้ตลอดคืออะไรคับ และวิธีรักษาให้หายทำอย่างไรคับ
อายุ: 25 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 90 กก. ส่วนสูง: 177ซม. ดัชนีมวลกาย : 28.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

10 สิงหาคม 2559 03:37:56 #2

ถ้าคุณไม่ได้มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์คือไม่ได้เป็นชายรักร่วมเพศ มีการสอดใส่ทางทวารหนัก อาการทีเล่ามาอาจจะเกิดจากการที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียในต่อมใต้ผิวหนังบริเวณรอบๆทวารหนักคล้ายกับการเกิดฝี ซึ่งเมื่อเป็นบ่อยๆก็อาจจะกลายเป็นฝีคัณฑสูต ซึ่งจะมีช่องติดต่อเข้าไปในทวารหนัก ทำให้มีการติดเชื้อและเป็นหายๆ หรือถ้าตุ่มที่เป็นคือเส้นเลือดที่โป่งออกเวลาเบ่งอุจจาระหรือเวลาท้องผูก ก็อาจจะเป็นริดสีดวง สาเหตุของริดสีดวงทวาร มีหลายอย่าง เช่น ลักษณะนิสัยการถ่ายผิดปกติ (ท้องผูก หรือ ท้องเสีย) ออกกำลังกายน้อย รับประทานอาหารที่มีเส้นใยเช่นผักผลไม้น้อย เบ่งอุจจาระนาน อ้วน และนั่งเป็นเวลานานๆ

1.และ 2. และ 5 ถ้าเป็นมากขึ้น เส้นเลือดจะโป่งออก และโผล่ออกมาอยู่ด้านนอกได้ ถ้ามีการรักษาที่ถุกต้อง ตั้งแต่เรื่องสุขอนามัย การกินอาหารประเภทผัก ผลไม้ ดื่มน้ำมากๆ ปรับเรื่องการขับถ่ายซึ่งการฝึกต้องทำบ่อยๆจนเกิดความเคยชิน หรืออาจรักษาด้วยการฉีดยาให้ยุบ การผูกเส้นเลือด การจี้ด้วยเครื่องมือต่างๆ รวมทั้งการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ถ้ารักษาแล้วก็จะไม่เห็นจากภายนอก ในกรณีที่มีควาเมสี่ยงคือเป็นชายรักร่วมเพศ มีการสอดใส่ทางทวารหนัก แผลที่เป็นอาจจะเป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยคือเริม แต่ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เที่ยวผู้หญิง ไม่ใช้ถุงยาง มีคู่นอนหลายคน โรคที่พบบ่อยคือ เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ หรือบริเวณรอบๆทวารหนัก เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง

โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอ หรือส่งรูปถ่ายชัดๆและให้ข้อมูลทางเพศสัมพันธุ์มาด้วย

Anonymous

11 สิงหาคม 2559 00:29:11 #3

น่าจะเป็นฝีที่หมอว่าละคับ แล้ววิธีรักษายังไงครับ