กระดานสุขภาพ

แบบนี้จะเป็นเอดส์หรือปล่าว รบกวนหมอตอบหน่อยครับกังวลในมาก
Igum*****b

13 มกราคม 2556 06:42:29 #1

ถามอะไรหน่อยครัย กลัวมากเลย
แบบว่า พี่ญาติของผมอ่ะครับแกมีแผลตรงขานิดหน่อยไม่ใหญ่มาก ปล.เจอมาหมากัดมาได้ไม่เกิน 1ชั่วโมง
แล้วแกเห็นผมถือขวดทิงเจอร์พอดีแล้วแบบว่าแกมาขอใช้ล้างแผลแกผมก็ให้ไปครับพร้อมสำลี แต่ว่าอย่างนี้ครับ คือพี่แกเอาสำลีล้างแผล แล้วแบบว่าสำลีที่ใช้ล้างแผลแกนั้นมันโดนจุกขวดจิงเทอร์เลยอ่ะ แล้วผมก็เอาขวดทิงเจอร์ที่พี่ญาติผมใช้นั้นแหละไปใช้ล้างแผลของผมบ้างต่อ แบบว่าผมเอาสำลีอื่นเช็ดหัวจุกแล้วไม่ใช่สำลีที่ล้างแผลพี่ผมนะครับสำลีชิ้นใหม่  แล้วผมก็หยิบสำลีชิ้นใหม่แต่เอาขวดทิงเจอร์ที่พี่เอาเอาสำลีที่แกล้างแผลแล้วโดนจุกขวดมาล้างแผลของผมบ้าง คือใช้ขวดทิงเจอร์เดี่ยวกันแต่สำลีคนละอัน  และผมก็เช็ดขวดจิงเจอร์แล้วด้วยผมจะเป็นเอดส์ได้มั้ยครับ ปล.พี่ญาติผมไม่ได้เป็นเอดส์นะ 

อายุ: 16 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 57 กก. ส่วนสูง: 176ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.40 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

14 มกราคม 2556 16:27:02 #2

เรียน คุณ igumzkub,

ขออนุญาตตอบยาวนิดนึงนะครับ เพื่อความเข้าใจของคุณ หากมีเวลามากพอ ควรศึกษาบทความเรื่องโรคเอดส์ในหน้าเว็บของเรา ซึ่งศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ พนัส เฉลิมแสนยากร ให้เกียรติถ่ายทอดไว้โดยละเอียด ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะครับ

http://haamor.com/th/เอดส์

โรคเอดส์สามารถติดต่อกันได้ 2 ทางใหญ่ ๆ คือ ร่วมเข็ม (เลือด) และร่วมเพศ

ร่วมเพศ การมีเพศสัมพันธ์สำส่อนระหว่างชายกับชาย และชายกับหญิงจะมีโอกาสติดเชื้อโรคเอดส์ได้ ถ้าฝ่ายใดมีเชื้ออยู่ในตัว
การใส่ถุงยางอนามัยขณะร่วมเพศกับคนแปลกหน้าจึงเป็นวิธีป้องกันวิธีหนึ่ง

ร่วมเข็ม/เลือด หรือผลิตภัณฑ์

  • การรับเลือดที่มีเชื้อเอดส์เข้าไป เช่น โดยการถ่ายเลือด
  • การใช้เข็มฉีดยาที่เปื้อนเลือดของคนที่ติดเชื้อโรคเอดส์
  • การติดต่อจากแม่ไปสู่ลูก
  • การปลูกถ่ายอวัยวะ หรือการผสมเทียม
  • การถูกเข็มหรือของมีคมที่เปื้อนเลือดเอดส์ตำ

ดังนั้น การที่รู้ว่าโรคเอดส์ติดต่อกันได้อย่างไรจะได้นำไปคิดและนำไปปฏิบัติเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองติดเชื้อเอดส์ หรือป้องกันไม่ให้เชื้อเอดส์แพร่ไปสู่ผู้อื่น

โรคเอดส์ไม่ติดต่อกันทางใด

  1. ไม่ติดต่อกันโดยผ่านทางน้ำลาย,น้ำมูก,น้ำตา,เสมหะ,ปัสสาวะ,อุจจาระ,หรือเหงื่อ
  2. ยุงไม่นำโรคเอดส์ ถึงแม้ว่าจะไปกัดคนที่เป็นเอดส์ เพราะเชื้อเอดส์จะอยู่ในตัวยุงไม่กี่ชั่วโมงก็จะตายไป

ขณะเดียวกันยุงที่ดูดเลือดคนแล้วจะไม่กัดคนอีกภายในวันเดียวกัน และ เลือดที่เปื้อนที่ปากยุงก็มีไม่มากพอ

เราจะป้องกันการติดเชื้อเอดส์ได้อย่างไร

  1. งดการเที่ยวแหล่งบริการต่างๆ ที่นำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์
  2. หากจะมีเพศสัมพันธ์กับใครก็ตาม คุณควรทราบแน่นอนว่าผู้นั้นไม่มีเลือดบวกเอดส์ ถ้าไม่แน่ใจควรมีเซฟเซ็กส์ (safe sex) หรือเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย
  3. หยุดฉีดยาเสพติด หากเลิกไม่ได้ควรใช้เข็ม และกระบอกฉีดยาที่สะอาดของตนเอง
  4. ก่อนแต่งงาน ควรตรวจเลือดทั้งสองฝ่าย
  5. ถ้าจะมีบุตร ควรตรวจเลือดทั้งสามีและภรรยา เพราะบุตรอาจติดเอดส์จากคุณได้ จะเป็นภาระทั้งตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ
  6. งดดื่มสุราของมึนเมา เพราะจะขาดสติ และอาจพาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย หรือใช้อย่างไม่ถูกต้อง
  7. ถ้าพบอุบัติเหตุที่มีเลือดกระจาย เวลาจะช่วยเหลือควรใส่ถุงมือหรือถุงพลาสติกทุกครั้ง

การทำลายเชื้อเอดส์

- เชื้อไวรัสเอชไอวี เป็นเชื้อไวรัสที่ตายง่ายมาก ดังนั้นวิธีการฆ่าเชื้อสำหรับเชื้อไวรัสหรือ เชื้อโรคชนิดอื่น ๆ จะฆ่าเชื้อไวรัสเอชไอวีได้เช่นกัน วิธีการทำลายเชื้อไวรัสเอชไอวี แบ่งออก ได้เป็น 2 วิธี คือ

- การทำให้ปลอดเชื้อ (Sterilization) เป็นวิธีที่สามารถทำลายเชื้อจุลชีพได้ทุกชนิด รวมทั้งสปอร์ (spore)

  1. วิธีนี้อบด้วยไอน้ำ โดยใช้เครื่อง Autoclave หรือ Pressure Cooker อบด้วย อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส (250 องศาฟาเรนไฮต์) ใต้ ความดัน 15 ปอนด์/ตารางนิ้ว นาน 20-30 นาที วิธีนี้เหมาะสำหรับเครื่องมือแพทย์ ที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ ทั้งนี้รวมทั้งเข็ม และกระบอกฉีดยา ชนิดที่ใช้หลาย ๆ ครั้งได้
  2. วิธีอบแห้งโดยใช้เตาอบไฟฟ้าอบแห้งที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียสเป็นเวลา นาน 2 ชั่วโมง วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับเครื่องมือที่ทำ ด้วย plastic หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่สามารถ ทนความร้อนได้ถึง 170 องศาเซลเซียส

- การทำลายเชื้อ(Disinfection) เป็นวิธีที่สามารถทำลายเชื้อจุลชีพได้ทุกชนิดยกเว้น สปอร์ (spore)

  1. การต้ม การต้มในน้ำเดือดนาน 30 นาที เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและเชื่อถือได้มาก ที่สุดในการทำลายเชื้อเอชไอวี วิธีนี้เหมาะสำหรับ เครื่องมือต่าง ๆ รวมทั่งเข็มและกระบอกฉีดยา การใช้สารเคมีจากการทดลองพบว่าน้ำยาทำลายเชื้อส่วนใหญ่ สามารถทำลายเอชไอวีได้ แต่การ ใช้สารเคมีมีข้อเสีย คือน้ำยาบางชนิดไม่อยู่ตัวถ้าเก็บในที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น ถูกแสงสว่าง หรือที่มีความร้อน การเตรียมน้ำยาก็ต้องใช้ความเข้มข้นที่ถูกต้อง และต้องใช้กับเครื่องมือที่ ทำความสะอาดอย่างดีแล้ว
  2. การทำลายเชื้อเอชไอวี ในสารเคมีน้ำยา Sodium Hypochlorite เช่น Chlorox หรือน้ำยาฟอกขาวที่มีใช้ตามบ้านให้ใช้น้ำยาหนึ่งส่วนผสมน้ำ เก้าส่วน (1: 10) ฆ่าเชื้อได้ในเวลา 10-20 นาที และสามารถใช้เช็ดบริเวณที่มีเลือด น้ำเหลือง อุจจาระ ปัสสาวะ น้ำมูก เสมหะ น้ำคัดหลั่ง ของผู้ป่วยที่หกเลอะพื้นที่ภายนอก น้ำยาที่ใช้ในการฆ่าเชื้อเอดส์ ได้แก่
  • Sodium Hypochlorite 0.1-0.5 %
  • แอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol) 70%
  • Isopropyl Alcohol 70% (Rubbing alcohol)
  • Tincture Iodine
  • Povidone Iodine 2.5% (ในท้องตลาด โดยทั่วไป 10%)
  • Hydrogen Peroxide 6%

นอกจากนี้ความร้อนมากกว่า 55 องศาเซลเซียส นานเพียง 10-20 นาที ก็สามารถ ทำลายเชื้อได้ น้ำยาฆ่าเชื้ออื่น ๆ ที่ไม่อยู่ในรายการนี้ก็อาจทำลายเชื้อเอดส์ได้เหมือนกัน แม้จะไม่ค่อยดีนักก็ตาม

ดังนั้นจากข้อมูลที่คุณให้มา คงสบายใจได้นะครับ

  1. หากคุณมั่นใจว่าญาติคุณไม่มีเชื้อเอดส์ ก็ตัดปัญหาไป 1 ประการ เมื่อไม่มีเชื้อ เขาคงนำเชื้อเอดส์มาติดคุณไม่ได้และคุณไม่ได้สัมผัสเลือดหรือน้ำเหลืองของญาติคุณโดยตรง ตัดช่องทางการร่วมเลือดไปได้อีก 1 ประการ (แต่ทางการแพทย์ถือว่าหากไม่ได้มีผลการตรวจเลือดมายืนยัน ให้ถือว่าทุกคนมีสิทธิ์มีเชื้อเอดส์อยู่ในตัวได้ทุกคน ที่เราเรียกว่าเป็นการปฏิบัติแบบ Universal precaution)
  2. จากข้อมูลเรื่องการทำลายเชื้อ จะพบว่าทิงค์เจอร์ ไอโอดีน หรือ โพวิโดน ไอโอดีน สามารถทำลายเชื้อได้

ดังนั้นจึงน่าจะสบายใจได้นะครับ เป็นห่วงแต่เรื่องความสะอาดของยาทาแผลที่เหลือมากกว่า เนื่องจากหากมีเลือดหรือน้ำเหลืองปนลงไปในน้ำยา จะลดฤทธิ์ในการทำลายเชื้อไปได้

ข้อแนะนำ

  • ควรเปลี่ยนน้ำยาทาแผลขวดใหม่ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของน้ำยาทำลายเชื้อ
  • การล้างแผล ทางการแพทย์จะใช้น้ำเกลือสะอาด เพื่อการล้างแผลครับ
  • แอลกอฮอล์ ใช้เช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ "รอบแผล" ครับ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำลายเนื้อเยื่อบางส่วน ทำให้แผลรักษาหายยาก
  • ยาทาแผล มักใช้ โพวิโดน ไอโอดีน เนื่องจากประสิทธิภาพดี ไม่ระคายเคือง ล้างออกง่าย ไม่เลอะเทอะ

วิธีการใช้น้ำยา ไม่ควรใช้สำลีหรือผ้าก๊อซ ชุบจากปากขวดโดยตรง แต่ใช้วิธีหยดยาลงบนสำลีสะอาดแทน จะได้ไม่มีการปนเปื้อนเข้าไปในขวดน้ำยา

คำตอบค่อนข้างยาว แต่อยากให้คุณได้เข้าใจอย่างถูกต้องครับ

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิืริผล