กระดานสุขภาพ

มีตุ่มขึ้นอวัยวะเพศค่ะ
Anonymous

17 กันยายน 2558 06:33:09 #1

รบกวนปรึกษาคุณหมอค่ะ คือตัวดิฉันมีตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศตรงคลิสตอริส ไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่คัน ไม่มีกลิ่น เวลาจับก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไร มีขนาดเล็กมากๆค่ะแต่เหมือนจะมีหลายตุ่มเลย มีแค่จุดนี้จุดเดียว ตอนแรกคิดว่าเป็นสิวค่ะเลยบีบแต่บีบไม่ออก ก่อนหน้าที่จะมีอาการประมาณ1-2เดือนก่อนได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนที่เป็นผู้หญิงโดยเอาอวัยวะเพศมาถูสัมผัสกัน พอตอนเช้าวันต่อมาอวัยวะเพศของดิฉันเกิดอาการคัน แสบ บวม และเจ็บค่ะ เลยได้แหวกดูในช่องคลอดมีคล้ายๆแป้งเปียกสีขาวหนึบๆเยอะมากภายในช่องคลอดบวมแดงมากไม่กลิ่นค่ะ เป็นมา2-3วันอาการไม่ดีขึ้น เลยไปซื้อยาคาเนสเทนแบบสอดครั้งเดียวเม็ดเดียว ตอนสอดเข้าไปครั้งแรกตัวยาไม่ยอมหลุดออกจากไม้ที่มีมาในกล่อง เลยทำการสอดเข้าไปใหม่ทีนี้มีอาการแสบมากๆ หลังจากนั้นอาการก็หาย แต่ตุ่มที่เกิดขึ้นไม่แน่ใจว่าเป็นก่อนหน้านั้นหรือหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ไม่ได้สังเกตุเลยค่ะมาสังเกตุตอนที่มีอาการเลยเห็น ตุ่มน่าจะเกิดขึ้นตอนช่วงนี้แหละค่ะ แต่แฟนไม่มีอาการอะไรนะคะ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/guest-24723-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/guest-24723-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/guest-24723-3.jpg

อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 164ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.10 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

19 กันยายน 2558 17:33:04 #2

จากรูปนั้น มีการอักเสบเป็นตุ่มหนองชัดเจน ซึ่งหากเดิมไม่ได้เป็นตุ่มน้ำใสมาก่อน และ การมีเพศสัมพันธ์นั้น ฝ่ายที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยนั้น ไม่ได้มีความผิดปกติเช่นนี้ หรือประวัติไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีความเสี่ยงกับโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม ก็ไม่น่าเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ครับ อาจเป็นเพียงแค่ต่อมไขมันอักเสบและไปพยายามบีบ แต่การที่ทำเช่นนี้ นอกจากจะไม่ช่วยให้หายแล้ว ยังทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียจากผิวหนังเข้าไปได้อีกครับ แต่หากไม่แน่ใจว่าผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยนั้น มีความผิดปกติหรือไม่ หมอแนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจรอยโรคอย่างละเอียด หรือ อาจเจาะเลือดดูครับ เพื่อการวินิจฉัยที่ชัดเจน

ส่วนความผิดปกติที่มีตกขาวนั้น เบื้องต้นแล้ว ตกขาวที่อาจมีได้ช่วงนี้ ก็เป็นผลจากฮอร์โมนที่สูงขึ้นหลังจากไข่ ซึ่งจะอยู่ในช่วงกลางรอบเดือนครับ และสามารถพบสารคัดหลั่งนี้มากขึ้นจนถึงช่วงใกล้ๆมีประจำเดือนได้ครับ แต่จะไม่มีอาการผิดปกติ เช่น คัน กลิ่นเหม็น หรือ เลือดปนครับ ซึ่งไม่ผิดปกตินะครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อน แต่หากหากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

นพ.เกียรติศักดิ์