กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนไม่มา
Espr*****o

1 กันยายน 2558 12:59:31 #1

หลังคลอดน้องมาแล้วไปฉีดยาคุมแบบ3เดือนมาแล้วประจำเดือนก็มาทุกวันถึง2เดือนสาเหตุมาจากอะไรค่ะ -พอเปลี่ยนจากฉีดมาเป็นแบบกินประจำเดือนก้อมาปกติ2เดือน แล้วหลังจากนั้นก้อไม่เปนประจำเดือนสามเหตุมาจาอะไร -ช่วงนี้ตกขาวมาเกิดจากสาเหตุอะไรค่ะ
อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 43 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.90 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

4 กันยายน 2558 15:35:03 #2

การคุมกำเนิดโดยใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีดนั้น จะมีข้อดีในเรื่องสะดวกในการบริหารยาทุก 3 เดือน แต่อาจมีข้อเสียได้เล็กน้อย เช่น อาจมีเลือดกะปริดกะปรอยได้ หลังหยุดยากอาจมีเลือดประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่เป็นรอบได้ และปริมาณมากน้อย หรือ กะปริดกะปรอยนานหรือไม่นั้นขึ้นกับช่วงที่ฉีดครับ และข้อเสียอีกประการคือ โอกาสมีบุตรหลังจากหยุดฉีดยาในช่วง 1-3 เดือนนั้น อาจมีโอกาสค่อนข้างน้อยครับ แต่จะกลับมามีได้ประมาณ 90% ภายใน 3-6 เดือนหลังหยุดยาครับ หากไม่มีปัญหาเรื่องอื่นๆ ส่วนช่วงที่ทานยาคุมกำเนิดแล้วประจำเดือนมาปกตินั้น เป็นผลมาจากยาคุมกำเนิดคอยคุมรอบประจำเดือนไว้ครับ แต่หากหลังจากนั้น หากลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ

ส่วนเรื่องของตกขาวนั้น เบื้องต้นแล้ว ตกขาวที่อาจมีได้ช่วงนี้ ก็เป็นผลจากฮอร์โมนที่สูงขึ้นหลังจากไข่ ซึ่งจะอยู่ในช่วงกลางรอบเดือนครับ และสามารถพบสารคัดหลั่งนี้มากขึ้นจนถึงช่วงใกล้ๆมีประจำเดือนได้ครับ แต่จะไม่มีอาการผิดปกติ เช่น คัน กลิ่นเหม็น หรือ เลือดปนครับ ซึ่งไม่ผิดปกตินะครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อน แต่หากหากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

นพ.เกียรติศักดิ์