ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นตุ่มน้ำและตุ่มหนองหลายตุ่ม รวมทั้งมีตุ่มที่แตกแล้วและเป็นแผลตื้นๆ ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือยังไม่เคยร่วมเพศ หรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่คุณเป็นอาจจะเกิดจากการแพ้หรือการระคายเคืองต่อสารที่ใช้บริเวณนี้ เมื่อมีอาการคัน ก็จะเกา ทำให้เป็นตุ่มและเป็นแผล รักษาโดยการหยุดใช้สารที่สารที่สงสัยว่าจะแพ้ ล้างแผลด้วยน้ำเกลือที่ใช้ล้างแผลที่ซื้อตามร้านขายยา ซับให้แห้ง ทายาแก้แพ้ เช่น betamethasone ทาเช้าเย็น กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10 มิลลิกรัม เช้า เย็น อาการน่าจะหายใน 2 อาทิตย์ ในบางกรณีอาจจะมีเชื้อราร่วมด้วย ก็อาจต้องใช้ยาเชื้อรา เช่น clotrimazole ทาด้วย แต่ถ้ามีความเสี่ยง เช่นเป็นหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง ก็อาจเป็นโรคติดต่อ ที่พบบ่อยคือเริมซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมเสี่ยง ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอครับ

นพ.อนุพงศ์

ตอนนี้ บางส่วนเริ่มหายแล้วครับ แต่ก็มีบางจุดโผล่มาเป็นจุดกลมๆเล็กๆขาวๆ ไม่ได้ไปหาหมอหรือทานยาแต่อย่างใด ผมอายุ19ปี  ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ครับ เคยแต่ช่วยตัวเองแต่ไม่เคยเป็นแบบนี้ แปลกใจมากครับ อาบน้ำทุกวันนะครับ และไม่เคยใช้สารอะไรใดๆ บริเวณอัณฑะเลยครับ แต่ก่อนจะเป็นรู้สึกคันอัณฑะ หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นถึงเป็นจุดขาวๆดังภาพที่ส่งให้ก่อนหน้าตอนสอบถามครับ ปล.แล้วผมยังจะช่วยตัวเองได้ไหมครับ เพราะไม่ช่วยตัวเองผมก็จะฝันเปียก