กระดานสุขภาพ

หนองในเทียม
Anonymous

11 กรกฎาคม 2558 09:07:32 #1

ผมไปหาหมอ แล้วบอกอาการกับหมอ 1.ปัสสาวะแสบ 2.คันระคายเคืองในท่อปัสสาวะ 3.มีมูกใสๆซึมออกมา แต่ไม่มาก(ลักษณะมูก คล้ายปัสสาวะที่ซึมค้างในปากท่อ) 4.รู้สึกเหมือนมูกเคลื่อนที่ออกมาจากในท่อ บอกหมอว่ามีเพศสัมพันธ์แต่ไม่ได้สวมถุงยาง และคู่ที่ร่วมเพศไปตรวจไม่พบหนองใน และไม่มีอาการหนองในใดๆเลย หมอให้ยาหนองในเทียมมาทาน ปรากฏว่าอาการไม่ดีขึ้น เป็นมาได้เดือนกว่าๆก่อนหน้านั้นมีผื่นแดงขึ้นตรงคอองคชาติ คันมาก ผมสงสัยว่าถ้าไม่ใช่หนองในเทียมผมมีโอกาสที่จะติดเชื้อราแคนดิดาในท่อปัสสาวะไหม จากที่ศึกษาในเน็ต แคนดิด้าในท่อปัสสาวะชายถ้าเราทานยาปฏิชีวนะเชื้อยิ่งกำเริบ และมักจะมีอาการคล้ายหนองในเทียม คือ คันในท่อปัสสาวะ มีมูกใสแต่ไม่เหมือนหนอง ปัสสาวะแสบขัด ช่วยวินิจฉัยผมที ถ้าผมอยากไปเพาะเชื้อเพื่อความแน่ใจผมจะต้องไปบอกหมออย่างไรบ้าง
อายุ: 18 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.99 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

11 กรกฎาคม 2558 13:09:05 #2

ก่อนหน้านั้นแพทย์อีกคนได้วินิจฉัยว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอีกเสบ แต่ทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นครับ ทั้งหนองในเทียมและกระเพาะปัสสาวะอักเสบทานยาก็ไม่หายสักที กังวลมากครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

13 กรกฎาคม 2558 04:11:33 #3

อาการมีหนอง ปัสสาวะแสบหรืออาการที่เกี่ยวข้องกับท่อปัสสาวะ แบ่งเป็น2 สาเหตุ คือถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์คือมีคู่นอนหลายคนโดยไม่ใช้ถุงยาง น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) จะมีหนองออกจากท่อปัสสาวะหลังเสี่ยงประมาณ 3-7 วันร่วมกับปัสสาวะแสบขัด ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนอีกสาเหตุที่พบได้คือหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ อาการเกิดหลังเสี่ยง 7-14 วัน แต่พบว่าบางตนเป็นหรือติดเชื้อโดยไม่มีอาการก็ได้ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีของคุณ ถ้ามีความเสี่ยง ก็อาจจะเป็นหนองในเทียม ซึ่งการที่อาการไม่ดีขึ้น อาจจะเกิดจากเชื้อดื้อยาหรือ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่รวมทั้งแฟนประจำด้วยครับ นอกจากนี้ยังพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน แต่ถ้าไม่มีความเสี่ยง เช่น ใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ก็ไม่เป็นโรคติดต่อ น่าจะมีสาเหตุจากการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะ รักษาโดยการกินยาแก้อักเสบ เช่น ciprofloxacin ครั้งละ 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น 1 อาทิตย์ และไม่ควรอั้นปัสสาวะ เพราะจะเป็นได้อีก ส่วนเรื่องเชื้อรานั้น ไม่ได้เป็นสาเหตุของหลักของการอักเสบของท่อปัสสาวะ โดยสรุป ขึ้นกับความเสี่ยง และการตรวจมูกจากท่อปัสสาวะโดยการย้อมสีและนับจำนวนเม็ดเลือดขาวว่ามีการอักเสบหรือไม่ ถ้ามีเป็นหนองในแท้หรือหนองในเทียม หรืออาจเป็นแค่มูกใสๆที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการอักเสบ สามารถตรวจได้ที่ รพ. บางรัก ซึ่งเป็นที่รักษากามโรคของกรมควบคุมโรค