กระดานสุขภาพ

รบกวนถามครับคุนหมอ
Anonymous

11 กรกฎาคม 2558 01:44:02 #1

พอดีเมื่อประมาณวันที่1/7/2558 ผมเป็ไข้หวัดไม่สบายได้ไปนอนโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแล้วทางโรงพยาบาลก็ได้ทำการรักษามีการให้น้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อ ยาลดไข้ ตามปกติ ผมตรวจมาเป็นไข้หวัดธรรมดา ตั้งแต่วันแรกที่ผมแอดมิตผมก็รู้สึกคันที่ปลายหนังหุ้มอวัยะเพศ แล้วก็มีอาการบวมหน่อยๆ หลังจากนั้น1วันผมก็รู้สึกเหมือนปากชาๆลิ้นแสบๆนิดหน่อย จนกระทั่งผมนอนรพ.ไปสามคืน วันที่ผมออกมาผมก็รู้สึกเหมือนปากผมแห้งแตกเหมือนเป็นร้อนใน แต่ว่าตรงปลายหนังหุ้มอวัยวะเพศของผมก็เป็นรอยถลอกแดงหนังแตกและแสบๆนิดหน่อย ผมพยายามล้างรักษาให้แห้งสะอาดเวลาปัสสาวะก็เช็ดให้แห้งไม่ให้หมักหมม แต่ผมเป็นมา1สัปดาห์แล้วยังไม่หายเลยครับ ผมเคยเป็นแบบนี้เวลา อวัยวะมันแข็งตัวมากๆหนังมันจะปริแตก แต่ก็หายทุกทีแต่ครั้งนี้ยังไม่ยอมหายครับ. รบกวนช่วยทีครับ ว่าต้องกินยา ทายา อะไรถึงจะหายครับ เออครับแต่ผมมีเอายาบีเพนเท็นที่ทาก้นเด็กกับลิปมันวาสลีนทา คาผมไม่มีมั่วกับใครอื่นครับมีแค่ภรรยาคนเดียว ครับ ขอบคุณมา ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ
อายุ: 32 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 85 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 26.83 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

14 กรกฎาคม 2558 03:37:09 #2

ถ้าทั้งตัวคุณและแฟน ต่างก็ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์กับคนอื่นหรือมีก็ใช้ถุงยางทุกครั้ง

1. อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ น้ำยต่างๆที่ใช้บริเวณนี้ ร่วมกับความอับชื้น จึงเป็นจุดแดงๆและอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ส่วนแฟน ถ้ามีอาการตกขาว คันในช่องคลอด ก็อาจเป็นเชื้อราด้วย ในกรณีนี้แนะนำตรวจภายใน ถ้าเป็นเชื้อราก็รักษาโดยใช้ยากินหรือยาสอดช่องคลอด

2. อาจจะเกิดจากการแพ้ยาที่ได้รับจาก รพ. เช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้อักเสบ เช่น ซัลฟา เตตรา หรือยาแก้อักเสบบางชนิด ซึ่งอาการเริ่มต้น จะคัน หนังพองแล้วแตกเป็นแผล มีน้ำเหบือง ถ้ามีประวัติว่าเคยเป็นมาก่อน ก็จะเป็นรุนแรงขึ้น และถ้าเป้นมาก ก็จะมีแผลในปากหรือในลำไส้ อันตรายถึงชีวิตได้ ที่เรียกว่า สตีเวน จอห์นสัน ซินโดรม จะต้องหยุดใช้ยาที่สงสัยว่าจะแพ้ทันที่ กินยาแก้แพ้ รักษาแผลที่เกิดขึ้นด้วยการล้างด้วยน้ำเกลือ ต้องระวังไม่ใช้ยาที่แพ้ เพราะจะเป็นมากขึ้น

โดยสรุป น่าจะเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการแพ้ อาจจะแพ้จากการสัมผัส หรือการกิน แนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นแผลมาให้ดู