กระดานสุขภาพ

มีประจำเดือนเป็นระยะเวลา 2 เดือนกว่าแล้วค่ะ
Anonymous

29 เมษายน 2558 05:55:31 #1

สวัสดีค่ะ พอดีเป็นประจำเดือนมา 2 เดือนกว่าแล้วค่ะ พอเป็นได้ 1 เดือนไปหาคุณหมอ คุณหมอให้ไปตรวจความเข้มข้นของเลือด ปรากฏว่าเลือดซีดแต่ซีดไม่มา คุณหมอเลยให้ยาบำรุงเลือดและยาปรีโมลุท เอ็ม มาค่ะ ได้ 7 วันเลือดหยุด แล้วหมอนัดไปตรวจ พอตรวจผลออกมาว่า โพรงมดลูกหนาและเนื้อบุด และหมอนัดให้ฟังผลการตรวจมะเร็จ ในวันที่ 28 เม.ย ที่ผ่านมานี้ แต่หมอให้กินยาตัวเดิม แต่พอยาปรีโมลุทหมด เอ็ม หมด หยุดกินไปวันเดียว เลือดไหลออกมาเต็มเลยค่ะ ก็ไปซื้อที่ร้ายขายยาแถวบ้าน กินเท่าไรเลือดก็ไม่ยอมหยุด และมีพักหลังมีอาการปวดท้อง เลยไปหาหมอ หมอก็ให้ยาตัวเดิม แต่เพิ่มเวลากิน เป็น 3 เวลา ก็ไม่หยุดค่ะ แต่ผลออกมาไม่เป็นมะเร็ง แต่เป็นปากมดลูกอักเสบ อยากทราบว่าที่เป็นแบบนี้สาเหตุเกิดจากการยกของหนักหรือเปล่าค่ะ และต้องรักษาอย่างไรค่ะ ถึงเลือจะหยุดไหลค่ะ

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 95 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 37.11 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

29 เมษายน 2558 16:42:12 #2

ถึง คุณ 76b47

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 76b47 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ 76b47 ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

30 เมษายน 2558 15:36:03 #3

รอบเดือนทีป่กติจะมาทุก 21-35 วันต่อครั้ง มาครั้งละไม่เกิน 7 วัน และมีปริมาณไม่มากเกินไป ในกรณีของคุณถือว่ามีรอบเดือนที่ผิดปกติ เพราะมานานถึง 2 เดือน การทานยา primolut-N ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนจะทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกสุกเป็นระยะเดียวกันและลอกหลุดออกมาเป็นประจำเดือนทีเดียวเมื่อทานยาหมด เลือดที่ออกมาไม่ควรเกิน 7 วัน แต่อาจจะมีปริมาณมากกว่าปกติ เพราะคุณมีผนังเยื่อบุโพรงมดลูกหนา เนื่องจากคุณอายุยังน้อยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งของผนังเยื่อบุโพรงมดลูกน้อย แพทย์จะรักษาโดยการใช้ฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนก่อนเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าผลการตรวจอัลตราซาวด์พบว่าผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนามากกว่าปกติ โดยเฉพาะหนาเกิน 20 มิลลิเมตร คุณจะมีความเสี่ยงสูงมากต่อการเกิดมะเร็งผนังยื่อบุโพรงมดลูก มีความจำเป้นอย่างยิ่งที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยการขูดเอาเนื้อบริเวณผนังเยื่อบุโพรงมดลูกไปตรวจทางพยาธิวิทยา เคยมีรายงานการเกิดมะเร็งผนังเยื่อบุโพรงมดลูกในคนที่อายุน้อยประมาณ 18 ปี เช่นกัน และจะต้องตัดเอามดลูกและรังไข่ออกทั้งหมด ปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งได้สูงก็คือสตรีที่มีน้ำหนักตัวมาก เพราะจะมีไขมันตามตัวที่มากที่เปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนจึงกระตุ้นให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาตัวมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการเลือดออกผิดปกติ ไม่เกี่ยวกับการยกของหนัก ส่วนการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกนั้นเป็นการตรวจที่บริเวณปากมดลูก ไม่ใช่ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีความผิดปกติที่บริเวณผนังเยื่อบุโพรงมดลุกหรือไม่ จะต้องใช้การดูดหรือขูดเอาเนื้อในผนังเยื่อบุโพรงมดลูกไปตรวจอย่างเดียว ถ้าตรวจไม่พบความผิดปกติของเนื้อเยื่อคือไม่เป็นมะเร็ง แพทย์ก็จะใช้วิธีการรักษาทางยาโดยการให้ฮอรืโมนโปรเจสโตรเจนไปรับประทานเพื่อให้เลือดหยุดต่อไป นอกจากนี้อาจจะใช้ยาห้ามเลือดชนิดอื่นเช่น transamine ร่วมด้วยค่ะ

Anonymous

2 พฤษภาคม 2558 04:28:54 #4

ค่ะ ผลตรวจออกมาว่าไม่เป็นมะเร็งค่ะ และได้ทำการเปลี่ยนหมอใหม่ หมอให้ยาเมล็ดแคปซูลสีขาวฟ้า และเมล็ดสีชมพูกินระยะเวลา7วัน คุณหมอบอกยาปรับฮอร์โมนค่ะและเลือดจะหยุด แต่คุณหมอบอกได้แค่ว่าเป็นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นให้ค่ะ แต่หลังจากนี้รอให้ยาเก่าหมดฤทธิ์ค่ะ และคุณหมอบอกไม่ได้ว่าจะมีประจำเดือนอีกที่เมื่อไร เพราะสาเหตุที่เลือดไม่หยุดคุณหมอบอกว่าเกิดจากการกินยาปริโมลุทเอ็มเป็นระยะเวลานานเกินไป ทำให้เกิดผลข้างเคียง เพราะยาตัวนี้ไม่ควรกินเกิน 14 วัน เป็นเพราะสาเหตุนี้ด้วยเปล่าค่ะ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

3 พฤษภาคม 2558 13:05:59 #5

ถูกต้องค่ะ การทานยา primolut-N ไม่ควรทานนานเกิน 14 วัน เพราะยาจะไม่สามารถออกฤทธิ์ที่ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกได้ต่อไป เนื่องจากโดยธรรมชาติการทำงานของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายเราจะเลียนแบบธรรมชาติซึ่งจะออกฤทธิ์ในช่วง second half หรือครึ่งหลังของการมีรอบเดือน จากนั้นรังไข่จะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาในรอบเดือนใหม่เพื่อทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาตัวมากขึ้นต่อไป เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ตามรอบเดือน เข้าใจ่ว่ายาที่คุณหมอให้มาทานน่าจะเป็น transamine เพราะเป็นแคปซูลขาวฟ้า ควรทานยาตามที่แพทย์สั่งและไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อปรับรอบเดือนใหม่อีกครั้ง สุดท้ายแพทย์อาจจะต้องใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่เป็นแผงเพื่อควบคุมรอบเดือนของคุณให้มาเป็นปกติแล้วค่อยปรับเปลี่ยนการรักษาต่อไปค่ะ

Anonymous

5 พฤษภาคม 2558 05:25:03 #6

ค่ะ คุณหมอแค้ให้ยามากิน 7 วัน วันพรุ่งนี้ก็หมดแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ทำการนัดต่อค่ะ ถ้าเราซื้อยาคุมมากินเองตรงนี้เป็นไรเปล่าค่ะ หรือต้องเป็นยาคุมที่คุณหมอให้ค่ะ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

6 พฤษภาคม 2558 14:28:45 #7

เมื่อยาหมดและประจำเดือนมาก็สามารถทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดแผงต่อไปได้เลย โดยควรเริ่มทานยาคุมกำเนิดไม่เกินวันที่ 5 โดยนับจากวันแรกที่มีเลือดออกมาทางช่องคลอดค่ะ

Anonymous

7 พฤษภาคม 2558 14:13:39 #8

ค่ะ ถ้ากินยาคุมยี่ห้อ xxx ที่คุณหมอให้มา เราสามารถกินยฆ่าเชื้อราและยาแก้คันได้เปล่าค่ะ และถ้ามีอะไรกับแฟนกินยาคุมตัวนี้จะไม่ท้องใช่เปล่าค่ะ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

8 พฤษภาคม 2558 14:45:38 #9

ถ้าทานยาคุมอย่างถูกวิธีก๋็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เลยค่ะ โดยควรทานยาคุมไปสัก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ยาคุมออกฤทธิ์จากนั้นจึงให้หลั่งภายในได้ สามารถทานยาฆ่าเชื้อราและยาแก้คันได้ค่ะ

Anonymous

25 พฤษภาคม 2558 11:57:33 #10

ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ช่วงกินยาคุมได้ 5 วันแรก ได้มีอะไรกับแฟน แฟนลั่งข้างใน พอเวลาผ่านไปตอนนี้ มีอาการปวดท้องน้อยช่วงเกลางคืนและรู้สึกบวมหน่อยๆได้ประมาณ 3-4 วัน จะเป็นช่วงของมีประจำเดือนเปล่าค่ะ หรือว่าจะท้องค่ะ