กระดานสุขภาพ

จะท้องไหมคะ
Popp*****4

10 มีนาคม 2558 16:26:35 #1

เดือนธันวาคม ปจด มาวันที่ 5 และหมดวันที่ 9

เดือนมกราคม ปจด มาวันที่ 9 หมดวันที่13

เดือนกุมภา ปจด มาวันที่ 7 หมดวันที่ 11

หลังจากนั้นมีเพศสัมพันธ์กับเเฟนแบบไม่ใส่ถุงและหลั่งนอกหลายครั้ง โดยไม่ได้ล้างแต่เว้นช่วงพักใหญ่ ตามปฏิทิน ปจด ในมือถือบอกว่าจะมาในวันที่ 8 มีนาคม ตอนนี้ยังไม่มาเลยค่ะ มีอาการปวดเจ็บท้องแปลบๆด้านขวาระดับเดียวกับสะดือ บางทีก็ด้านซ้าย มีตกขาวเล็กน้อยตลอดวันเป็นจุดๆ ผายลมบ่อยเกือบทั้งวันคล้ายช่วงตอนมีประจำเดือนมีโอกาสท้องไหมคะ แล้วสามารถเริ่มตรวจจากปัสสาวะได้ช่วงไหนคะ

อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.94 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Popp*****4

10 มีนาคม 2558 16:29:02 #2

มี พสพ ในวันที่ 5 มีนาคมค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

11 มีนาคม 2558 18:01:52 #3

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แล้วไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านในก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ แต่หากไม่ได้ทานก็ไม่เป็นอะไรนะครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

หากตรวจในช่วงที่หมอกล่าวไปแล้ว ปกติดี ไม่ตั้งครรภ์ ลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ส่ิงที่หมอฝากได้คือ การป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครัน ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Popp*****4

12 มีนาคม 2558 15:51:53 #4

โดยรวมแล้วถือว่าเลยช่วงตกไข่ไปแล้วใช่ไหมคะ แล้วคุณหมอคิดว่าจากสถานการณ์โอกาสท้องหรือไม่ท้องมากกว่ากันคะ  ปล.ช่วงนี้มีอาการตกขาวเล็กน้อยแห้งติดชุดชั้นในค่ะ ถือว่าเป็นสัญญาณอะไรรึป่าวคะ. ขอบคุณที่ช่วยตอบคำถามนะคะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

17 มีนาคม 2558 17:02:50 #5

การคำนวณวันตกไข่นั้น จะใช้ได้แม่นยำในคนที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอนะครับ ซึ่งการคำนวณจะต้องคำนวณจากระยะระหว่างรอบประจำเดือน โดยจะนับจากวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาย้อนไป 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน ครับ ซึ่งการนับวันตกไข่นี้ ปกติจะใช้เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้มากขึ้นสำหรับผู้ที่มีบุตรยาก ไม่ควรนำมาใช้ในการคุมกำเนิดครับ เพราะจะพลาดได้มากครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงที่หมอกล่าวไป และ แนะนำให้คุมกำเนิดแบบวิธีที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์ตามที่หมอกล่าวไปนะครับ