กระดานสุขภาพ

มะเร็งเต้านมผ่าตัดหมดแล้วทำใจไม่ได้ค่ะ
Anonymous

16 กุมภาพันธ์ 2558 04:07:12 #1

มีเรื่องทุกข์ใจมากค่ะ คิดวนเวียนทุกวันเลย

เริ่มแรกเจอก้อนไปหาหมอ อัลตราซาวน์ ใช้เข็มเจาะ ก็ยังไม่ทราบ เลยต้องผ่าเอาก้อนไปตรวจ ทราบว่าเป็นมะเร็ง ก่อนปีใหม่ วันฟังผลไม่มีข้อมูลไปเลยค่ะ เพราะไม่คิดว่าจะเป็น หมอนัดผ่าตัดหลังปีใหม่ (รอสี สีหมดอายุ) โดยยังไม่ได้คุยให้ชัดเจนว่าจะผ่าแบบไหน จนวันผ่าตัด คุยกับหมอว่าขอผ่าสงวนเต้า ฉายแสง (ก้อนขนาด 2.2 cm และจากที่หาข้อมูลมา ผลการรักษามันเท่าเทียมกัน) แต่มีเหตุผิดพลาดเนื่องจาก พยบ บอกเวลางดน้ำงดอาหารผิด ทำให้มีการฉีดยาชาฉีดสีต่อมน้ำเหลืองก่อนรอบนึง ผ่าตัดตอนบ่าย (จากเดิมควรจะดมยาผ่ารอบเดียว) พอเข้าห้องผ่าตัดตอนบ่าย ดันไปถามหมอว่าต้องเลาะต่อมน้ำเหลืองมั้ย หมอบอกต้องเลาะ ด้วยความที่เคยไปอ่านเจอมาว่า ถ้ามีการฉายแสงบริเวณรักแร้ และ/หรือ เต้านม จะเพิ่มโอกาศแขนบวม ทำให้บอกหมอไปว่างั้นตัดหมดละกันค่ะ (คือแต่การตัดสินใจมันก็ยังไม่ 100% นะคะ แต่มันอยู่ในห้องผ่าตัดคนยืนรอผ่าเต็มเตียงหมดแล้ว สติมันก็ไม่เต็ม 100 จะบอกว่ายกเลิกยังไม่ผ่าก็ไม่กล้า แล้วก็สลบไป) ฟื้นมาก็ตัดไปหมดแล้ว คำถามนะคะ

1. เจ็บมากและนานกว่าที่คิดมาก ครั้งแรกที่ผ่าก้อนไป เจ็บแค่ 3 4 วันเอง นี่เจ็บนานกว่านั้น และรอยแผลก็น่าเกลียด ไม่เห็นเหมือนที่เคยเห็นในรูปหรือคิดไว้เลยค่ะ นึกว่าจะเรียบๆไป แล้วมีรอยผ่าตัดจาง แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิดอะคะ

2. คือเสียใจและโกรธตัวเอง ไม่ใช่เสียดายเต้านมนะคะ ถ้าจำเป็นต้องตัดก็ตัด แต่นี่คือไม่จำเป็นไง แล้วจะตัดทำไมอ่ะ รู้สึกแย่ที่ตัดสินใจไม่ดีเลย หาข้อมูลไม่ดีพอ ลืมถามหมอก่อนว่าจริงมั้ยเรื่องการฉายแสง มันเพิ่มโอกาสแขนบวมจริงมั้ย รู้สึกตัวเองแย่ พลาดๆมากเลยค่ะ

3. ลามต่อมน้ำเหลืองแค่ 1 ต่อม ขอถามว่าทำไมหมอเค้าฉีดสีไม่ติดคะ เค้าบอกว่าอาจจะมีการอุดตันในท่อน้ำเหลือง แต่ถ้าไม่ใช่ละคะ จะขอฉีดใหม่ได้มั้ย หมอเค้าไม่ยอม จะย้าย รพ ได้มั้ย คือมันพลาดไปแล้วอะคะ เสียใจมากเลย

อายุ: 35 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 58 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.10 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์)

17 กุมภาพันธ์ 2558 15:18:26 #2

ขอตอบคำถามในข้อ 3 ดังนี้ การฉีดสีไม่ติด ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง

ส่วนใหญ่เกิดจากลักษณะของเนื้อเยื่อระบบน้ำเหลืองของผู้ป่วย ที่ไม่ดูดซึมสีนั้น

แต่ทั้งนี้เหตุผลที่แน่นอน ต้องเรียนถามจากแพทย์ผ่าตัดของคุณคะ

อีกประการ

เมื่อมีข้อข้องใจทางการรักษารวมถึงเรื่องการย้ายโรงพยาบาลที่จะต้องมีข้อมูลการรักษาทั้งหมดจากโรงพยาบาลเดิมแพทย์โรงพยาบาลใหม่จึงจะดูแลรักษาคุณต่อเนื่องได้เหมาะสม จึงแนะนำคุณควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษา ผู้ที่จะทราบข้อมูลแน่นอนของโรคที่คุณเป็นอยู่ คุณจึงจะได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุด

แพทย์ที่ไม่มีรายละเอียดในเรื่องการเจ็บป่วยของคุณ ถ้าให้คำแนะนำมักเป็นคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้คุณยิ่งสับสน คุณควรจดข้อที่คุณข้องใจ อยากทราบ/อยากปรึกษาแพทย์ผู้รักษาไว้ล่วงหน้า ทบทวนให้ครบถ้วน เมื่อพบแพทย์ฯจะได้ถามได้ครบถ้วนตามที่สงสัย ที่ข้องใจ คะ

พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

แพทย์รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา

นพ. อุดม เพชรสังหาร

(จิตแพทย์)

18 กุมภาพันธ์ 2558 17:28:35 #3

การ "ป่วยด้วยโรคมะเร็ง" คือข่าวร้ายสำหรับทุกคน เพราะมันหมายถึงชีวิต
และคำว่า "มะเร็งเต้านม" สำหรับผู้หญิงจำนวนไม่น้อยมีความหมาย เพราะมันกระทบต่อ "ความเป็นผู้หญิง และภาพลักษณ์"
แม้ในกรณีของคุณ คุณจะบอกว่า "ตัดก็ตัด" แต่การที่คุณขอให้ผ่าตัดแบบสงวนเต้าในตอนแรก คุณกลัวแขนบวม คุณรู้สึกไม่ดีกับแผลที่มันไม่สวย มันชวนให้น่าคิดว่าคุณเองก็พะวงเรื่อง "ความเป็นหญิง และภาพลักษณ์" อยู่ไม่น้อย

ข่าวร้ายขนาดนี้ น้อยคนครับที่จะ "ทำใจให้รับได้" โดยทันที และสภาวะการทำใจยังไม่ได้นี้ มันจะไม่แสดงออกมาตรงๆ ครับ และมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปรกติแต่อย่างใด มันเป็นปฏิกิริยาปรกติที่เกิดกับทุกคนที่ต้องเจอปัญหาแบบนี้

ในทางจิตวิทยาเขาเรียกว่า "ปฏิกิริยาตอบสนองต่อข่าวร้าย" ครับ
มันจะเริ่มด้วยความรูสึกช็อค ตกใจ ไม่เชื่อ และจะพยายามหาข้อมูลในเรื่องนั้นๆ เพื่อจะยืนยันว่าไม่ใช่ แต่เมื่อข้อมูลทุกอย่างยืนยันว่าใช่ ก็จะเริ่มรู้สึกแย่และรู้สึกว่าทำไมตัวเองถึงได้โชคร้ายอย่างนี้ ช่วงนี้จะรู้โกรธและหงุดหงิดง่าย คนรอบข้างทำอะไรกระทบนิดหน่อยก็จะรู้สึกว่าเขาซ้ำเติมให้ตัวเอง(ซึ่งแย่อยู่แล้ว)แย่ลงไปอีก หรือแม้แต่ตัวเองทำอะไรพลาดไปก็โทษตัวเองว่าไม่น่าเลย และจะเริ่มต่อรองว่าขอให้ความโชคร้ายมันเบาลงกว่านี้บ้างได้มั้ย และในที่สุดก็จะค่อยๆ ปรับตัวยอมรับข่าวร้ายนี้ได้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เกิดกับทุกคนที่เจอข่าวร้ายครับ เพียงแต่ว่าใครจะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง

จากที่คุณเล่ามา ผมคิดว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงที่รู้สึกว่าทำไมคุณถึงได้โชคร้ายอย่างนี้ อย่ามาซ้ำเติมฉันอีกเลยนะ และกรุณาช่วยทำให้ทุกอย่างมันส่งผลกระทบกับฉันน้อยที่สุดได้มั้ย

คุณพูดเรื่องสีหมดอายุ(ทำไมมาหมดเอาตอนที่ฉันต้องใช้ล่ะ?) คุณพูดเรื่องพยาบาลนัดเวลาผิด(ฉันเลยซวยนะเธอ โดนผ่าตั้งสองรอบ?) คุณพูดถึงเรื่องตอนแรกขอผ่าสงวนเต้า แต่พอจะผ่าหมอบอกว่าต้องผ่าเอาต่อมน้ำเหลืองออกด้วย คุณเลยต้องตัดสินใจให้หมอผ่าออกหมดในขณะที่ไม่พร้อมเลย คุณก็โทษตัวเองว่าไม่รอบคอบ น่าจะคุยเรื่องนี้ก่อนให้ชัด(เพราะความไม่รอบคอบของฉันเองแท้ๆ รู้ทั้งรู้ แต่ไม่ทำ ไม่ถามก่อนให้ชัด สุดท้ายฉันเลยโดนผ่าออกหมดโดยไม่จำเป็น) แถมผ่าเสร็จก็ปวดแผลเหลือเกิน แผลผ่าตัดก็น่าเกลียด(จะซ้ำเติมกันไปถึงไหนอีกล่ะเนี่ย?)

คุณกำลังหงุดหงิดกับทั้งตัวเองและคนรอบข้างโทษฐานที่ "ช่วยกันซ้ำเติม" ให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปอีก

เห็นใจครับ เพราะสถานการณ์ที่คุณกำลังเจออยู่มันหนักจริงๆ ไม่ว่าใครก็เป็นแบบนี้ได้

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณ จะโดยเจตนา ไม่ตั้งใจ หรือด้วยความผิดพลาดของคนอื่นหรือตัวคุณเองก็ตาม มันได้เกิดขึ้นแล้วครับ ไม่มีทางที่จะย้อนกลับไปแก้ไขได้ การที่คุณคิดถึงมันอยู่ตลอดเวลา แล้วเฝ้าตำหนิตัวเองหรือโทษคนอื่น มันจะทำให้คุณมีแต่หงุดหงิด โกรธ และรู้สึกแย่ลง ทางออกมีทางเดียวครับคือการให้อภัยตัวเองและคนอื่น

การให้อภัยจะทำให้ความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายที่กำลังเกิดกับคุณดีขึ้น คุณจะเครียดและหงุดหงิดน้อยลง ความเครียดมีผลโดยตรงต่อมะเร็งทุกชนิดครับ เพราะมันจะทำให้ภูมิต้านทางเซลล์มะเร็งในร่างกายของเราลดลง

ให้อภัยตัวเอง และคนอื่นๆ เถอะครับ

ผมไม่ใช่หมอด้านมะเร็ง แต่เท่าที่พอจะมีความรู้ มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งชนิดที่หมอโรคมะเร็งเขาควบคุมและรักษาได้ครับ คนไข้จำนวนมากที่มีชีวิตอยู่หลังการผ่าตัดเป็นอีก 20-30 ปี โดยไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้คุณได้รับการผ่าตัดมะเร็งออกแล้วทุกอย่างน่าจะดีกว่าตอนที่ยังไม่ได้ผ่า

ขอเป็นกำลังใจให้คุณนะครับ

นพ. อุดม เพชรสังหาร