กระดานสุขภาพ

อยากทราบคำตอบค่ะ ช่วยหน่อบนะคะเครียดมาก
Firs*****d

24 ธันวาคม 2557 16:27:18 #1

มีอะไรกับแฟนวันที่17ตุลาคม เกิดเหตุผิดพลาดนิดหน่อย เลยกินยาคุมฉุกเฉินไปแต่กินทีเดียวสองเม็ด
หลังจากนั้นวันที่ 23 ตุลาคม ประจำเดือนก็มาค่ะ มาประมาณ7วัน
ซื้อที่ตรวจมา
ตรวจครั้งแรก วันที่ 7 พฤศจิกายน ขึ้น1ขีด
ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 28 พฤศจิกายน ขึ้น1ขีด
ตรวจครั้งที่3 วันที่ 14 ธันวาคม ขึ้น 1 ขีด
ตรวจตรั้งที่4 วันที่ 21 ธันวามคม ขึ้น 1 ขีด
ทุกครั้งขึ้นแบบชัดๆเลยค่ะ

แต่ประจำเดือนยังไม่มาเลย แล้วก็มีอาการปวดท้องหน่วง กินเยอะ เพลียง่าย ปวดหลังปวดตัว แก๊ซในกระเพาะเยอะแล้วก็ท้องแข็ง มีโอกาสท้องไหมคะ (ไม่สะดวกตรวจเลือดนะคะ) (ปกติประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่แล้วค่ะ หายไป7เดือนก็มี แล้วบางที พอถึงกำหนดไข่ตกหรือมีประจำเดือน จะมีอาการเหมือนมีประจำเดือนทึกอย่างเพียงแค่ไม่มีประจำเดือนออกมา)

อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.90 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

26 ธันวาคม 2557 14:03:26 #2

การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งการทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์ได้ครับ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้ยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ

ซึ่งหากตรวจออกมาแล้วปกติ ไม่ตั้งครรภ์ เรื่องประจำเดือนที่ผิดปกตินั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป หรือ ประจำเดือนไม่มา ขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

Firs*****d

27 ธันวาคม 2557 05:43:33 #3

ขอบคุณมากๆค่ะ