กระดานสุขภาพ

เป็นแผลตรงซอกอวัยวะเพศ แสบ คันมาก มีเหมือกด้วย
Anonymous

15 ตุลาคม 2557 08:26:11 #1

คือเป็นแผลตรงซอกอะครับ มันแสบๆคันๆครับ พอเวลาปัสวะนี่เจ็บมากครัย

เวลาจะล้างก็ล้างไม่ค่อยได้ เพราะแสบมาก

คือต้องทำยังไงดีครับ มันอันตรายมากมั้ย ร้ายแรงมั้ยครับ

ต้องรักษายังไงครับหมอ T T

อายุ: 17 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 96 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 29.63 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

15 ตุลาคม 2557 10:53:23 #2

ถึง คุณ fcb9d

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ fcb9d ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ fcb9d ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

16 ตุลาคม 2557 03:03:23 #3

ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เที่ยวผู้หญิง ไม่ใช้ถุงยาง มีคู่นอนหลายคน

1. โรคที่พบบ่อยคือ เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเอง

2. แผลซิฟิลิส หรือแผลริมแข็ง เกิดหลังมีความเสี่ยง 10- 90 วัน แผลจะมีของแข็ง ไม่เจ็บ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum รักษาโดยฉีดยา benzathine penicillin 2.4 ล้านยูนิต โรคนี้พบบ่อยในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (เกย์)

3. แผลริมอ่อน เป็นหลังเสี่ยง 3- 7 วัน จากเชื้อแบคทีเรีย Hemophilus ducreyi แผลลึก เจ็บ ปัจจุบันพบไม่บ่อย รักษาโดยใช้ยากิน เช่น erythromycin ครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน 7 วัน แต่ปัจจุบันในประเทศไทย พบโรคนี้น้อยมาก

แต่ถ้าไม่มีความเสี่ยง เช่น ยังไม่เคยร่วมเพศหรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง ก็อาจเป็นการแพ้หรือระคายต่อสารที่ใช้ ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอผิวหนังหรือกามโรคหรือให้ประวัติเพิ่มเติมและส่งรูปถ่ายชัดๆมาให้ดูด้วย