ถึง คุณ 95338

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 95338 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ 95338 ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

สิวโดยทั่วไปมีหลายระยะค่ะ

ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากสิวอุดตัด ต่อมามีการอักเสบ แบคทีเรียมาสะสมกลายเป็นสิวอักเสบ ซึ่งอาจเป็นเพียงตุ่มนูนแดงๆ เป็นตุ่มนูนเม็ดใหญ่ มีของเหลวข้างใน หรือที่เรียกกันว่าสิวหัวช้าง หรือเป็นสิวหัวหนองก็ได้ค่ะ และเมื่อหายแล้วก็จะเหลือกลายเป็นรอยดำหรือรอยแดงก็ได้ สำหรับในกรณีที่มีการอักเสบมากๆ เมื่อหายแล้วอาจเป็นหลุมแผลเป็นสิวได้ค่ะ

เข้าใจว่าที่เป็น คงเป็นสิวที่มีการอักเสบอยู่พอสมควรค่ะ โดยทั่วไปไม่แนะนำให้กดสิวเองค่ะ เพราะมักจะกดไม่หมด และจะยิ่งทำให้สิวอักเสบเป็นมากขึ้นค่ะ ดังนั้นจึงยังเป็นสิว เป็นๆ หายๆอยู่ค่ะ

นอกจากนี้ สิวยังเกิดได้จากหลายสาเหตุ

1. การอุดตัน
2. หน้ามัน
3. การอักเสบ
4. การติดเชื้อแบคทีเรีย
5. ฮอร์โมน

การรักษาสิว นอกจากจะรักษาที่สาเหตุของสิวด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ แล้ว การรักษายังขึ้นกับความรุนแรงว่าเป็นสิวมากน้อยเพียงใด ซึ่งการรักษามาตรฐานมีทั้งยาทา ยารับประทาน และยาฉีดค่ะ
โดยกลุ่มยาทาได้แก่

1. กลุ่มยาละลายสิวอุดตัน Benzoyl peroxide
2. ยาฆ่าเชื้อ เช่น clindamycin, erythromycin, metronidazole เป็นต้นค่ะ
3. ยากลุ่มวิตามินเอ เช่น tretinoin
4. ยาอื่นๆ เช่น azaleic acid

สำหรับกลุ่มยารับประทาน มีหลัก ๆ อยู่สองกลุ่มคือ

1. ยาฆ่าเชื่อ เช่น doxycycline, amoxycillin, trimethoprim/sulfamethoxazole
2. ยากลุ่มวิตามินเอ เช่น isotretinoin

สำหรับยาฉีดที่ใช้ ส่วนมากคือการฉีดยากลุ่มสเตียรอยด์ปริมาณความเข้มต่ำเข้าที่สิวอักเสบ เพื่อให้สิวลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาเป็นกรณี ๆ ค่ะ

ดังนั้น การรักษาสิวจึงบอกได้ยากว่าควรใช้ยา รักษาอย่างไร ควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินความรุนแรง และให้แพทย์พิจารณาแนวทางการรักษาจะดีกว่าค่ะ