กระดานสุขภาพ

ผื่นคันที่ขาหนีบไปสู่อาการแพ้
Bebe*****z

26 ตุลาคม 2555 12:23:56 #1

ขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ คือเมื่อประมาณ4-5เดือนที่แล้ว มีผื่นขึ้นที่บริเวณขาหนีบด้านขวาเล็กน้อย แต่มีอาการคันค่อนข้างมากโดยเฉพาะกลางคืน ได้เริ่มทายา travocort ก็มีอาการดีขึ้น แต่ก็ยังคันอยู่ จึงไปซื้อยามาทานเองโดยให้เภสัชกรเป็นผู้จัดให้ ยาที่ได้มาทานคือ ketoconazole และยาทา น่าจะเป็นพวกเสตียรอยด์ ซึ่งทางเภสัชกรให้ทานเป็นเวลา 1 เดือน ก็ดูเหมือนว่าจะหายขาด หลังจากยาหมดไปประมาณ 10 กว่าวันก็เริ่มมีอาการคัน และเริ่มมีผื่นขึ้นมาอีกครั้ง และคราวนี้เริ่มมีจ้ำผื่นทางขาหนีบด้านซ้าย และบริเวณก้นทางด้านขวาเป็นลักษณะเป็นผื่นหนา และเป็นขุยๆ เมื่อเกาก็จะถลอกเป็นแดงๆและมีลักษณะเหมือนมีน้ำเหลืองซึมออกมา จึงเอายามาทาต่อ ดีขึ้นบ้างไม่ดีบ้าง ผ่านมาประมาณ 2 เดือนเริ่มมีผื่นขึ้นมาอีกและมากกว่าเดิม จึงไปปรึกษาเภสัชกรท่านเดิม คราวนี้เปลียนยามาเป็น itrconazole วันละ2แคปซูล เช้า-เย็น บวกกับ คาเนสเทนมาให้ทาด้วย อาการยังคงทรงๆและยังคันมาก จึงเลิกอายไปหาหมอที่คลีนิคผิวหนังแห่งหนึ่ง ทันทีคุณเห็นร่องรอยก็สรุปเลยว่าเ่็นเชื้อรา ต้องทานยาอย่างน้อยหนึ่งเดือนอย่างต่อเนื่อง โดยได้บอกอีกว่าทั่วไปมียารักษาอยู่2กลุ่ม โดยเมื่อวันพุธก่อนคุณหมอได้ให้ยา lamisil มาทานเป็นเวลา1สัปดาห์ เพื่อดูอาการ แต่คืนวันอังคารมีอาการผื่นขึ้นทั่วตัว โดยลักษณะเป็นตุ่มใสๆ ค่อนข้างคัน และบริเวณผื่นที่ขาหนีบก็ได้มีการกระจาย ลามออกไปเป็นวงที่กว้างกว่าเดิมค่อนข้างมาก โดนบริเวณขอบมีผื่นใสๆกระจายโดยรอบ แล้วก็ได้กลับไปพบหมอท่านเดิมอีกก็คือวันพุธที่ผ่านมา ทางคุณหมอบอกว่าผื่นที่ขึ้นตามตัวมาจากการแพ้สบู่มากกว่า(ใช้มาเกือบเดือนแล้ว) ทางคุณหมอได้ดูอาการผื่นแดงที่ขาหนีบที่กระจายเป็นวงกว้างว่าไม่ถูกกับยากลุ่มแรก จึงได้ให้ยา itconazole  มาทานและได้ให้ยาครีมมาทาผื่นที่ขึ้นตามตัว แต่พอตกกลางคืนมีอาการคันตามตัวค่อนข้างมาก เช้ามาพบว่าผื่นที่บริเวณขาหนีบกระจายมีสีแดงคล้ำและมีน้ำเหลืองซึมออกมาตลอดเวลา ผื่นตามตัวก็คันมากจนไม่สามารถทำงานได้ จนตกเย็นจึงกลับไปหาหมออีกครั้ง คุณหมอได้ให้ยาน้ำอะไรไม่ทราบมาประคบที่บริเวณที่มีน้ำเหลืองซึมๆ แสบเล็กน้อย พร้อมทั้งให้ยาครีมมาทา (เดิมคุณหมอไม่ให้ทายาอะไรเลย) ส่วนผื่นตามตัวก็เปลี่ยนเป็นยาน้ำเพื่อให้ทาได้ทั่วถึง และเพิ่มยาแก้คันและแก้แพ้ น่าจะเป็น prednisolone 2 เม็ด เช้า-เย็น คือตอนนี้น้ำเหลืองก็ไม่ซึมแล้ว อาการคันก็ยังคงมีบ้างแต่น้อยลงกว่าเดิม ส่วนผื่นที่ขาหนีบตอนนี้มีลักษณะเป็นผิวหนาๆสีแดงคล้ำจนแทบจะเป็นสีดำ บริเวณขอบก็ยังมีผื่นแดงกระจายอยู่รอบๆ เล่าอาการมาค่อนข้างเยอะคืออยากจะถามคุณหมอว่า อาการที่ผื่นขึ้นทั่วตัวเป็นการแพ้ยา lamisil รึเปล่า และผื่นที่ขาหนีบจะขยายวงและหายขาดได้รึเปล่า ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะขยายขอบเขตไปเรื่อยๆ ตอนนี้รู้สึกเครียดมากจนไม่อยากมองตัวเองเลยเพราะมีแต่ผื่นและจ้ำแดงไปทั่ว ส่วนขาหนีบก็กระจายจนทั่วทั้งสองข้างเลยไปถึงก้นด้านขวา. ขอบคุณนะคะที่กรุณาอ่านและแจงข้อสงสัย

อายุ: 31 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 65 กก. ดัชนีมวลกาย : 0.00 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขา ตจวิทยา

27 ตุลาคม 2555 15:05:35 #2

ผื่นของคุณค่อนข้างซับซ้อน อย่างมาก ผ่านยาทาและยารับประทาน มาครบทุกชนิด และผ่านมือหมอและเภสัชมาอย่างโชกโชน สิ่งที่บอกได้ คือ ไม่สามารถบอกได้ว่าผื่นทั้งตัวเป็นจากการแพ้ยา Lamisil หรือเปล่า และผื่นที่เป็นเริ่มต้นเป็นเชื้อราหรือไม่ บอกข้อมูลทั่วไปละกันนะคะ

 

1. ผื่น ที่ขาหนีบนอกจากเชื้อราอาจเป็นการแพ้สาร เสื้อผ้า ผ้าอนามัย เป็นต้น ถ้าเป็นตุ่มน้ำ อาจเป็นกลุ่มโรคตุ่มน้ำ เช่น ฟิมพิกัส (Pemphigus) การวินิจฉัย ว่าเป็นเชื้อรา ต้องขูดดูเชื้อ และอาจเพาะเชื้อ ส่วนโรคอื่นต้องตัดชิ้นเนื้อส่งดูพยาธิสภาพ

 

2. ถ้าเป็นเชื้อราถ้าเป็นเยอะๆการให้ยารักษาที่ถูกต้อง ร่างกายอาจมีปฎิกริยาทำให้มีผื่นได้ (Autosensitization) การรักษา คือต้องให้ยาPrednisoloneควบคู่กับยารักษาเชื้อรา

 

3. Lamisil ทำให้เกิดการแพ้ที่ผิวหนังได้ หลานรูปแบบ

 

คำแนะนำควรไปที่โรงพยาบาลที่มีแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่ถูกต้องก่อนทำการรักษา