กระดานสุขภาพ

ขอปรึกษาหน่อยค่ะหนูเครียดมากเลย
QzBe*****z

13 สิงหาคม 2557 16:33:32 #1

ประจำเดือนไม่มา ปกติจะมาสิ้นเดือนแต่เมื่อเดือน กรกฏาคม ประจำเดือนมาประมาณวันที่ 3-4 ค่ะ 

แต่เดือนสิงหานี้ วันที่ 13 แล้วประจำเดือนยังไม่มาเลย ซื้อที่ตรวจครรภ์มาขึ้น 1 ขีด แต่มีอาการแปลกๆค่ะเช่น 

ปัสสาวะบ่อยมาก ปวดหลัง มีเสมหะตลอด น้ำมูกไหล ปวดหัวไมเกรน ปวดคอ ง่วงนอนเพลียง่าย ใจเต้นแรง เหนื่อยเร็ว

ไม่มีตกขาวก่อนมีประจำเดือน หัวนมหรือน่าอกใหญ่ขึ้น มีน่าท้อง(ปกติเป็นคนไม่มีค่ะ) กินข้าว 3 มื้อ ปกติกินแค่ 2 มื้อพักหลังมานี้ไม่รู้เป็นอะไรค่ะ หิวข้าวตามเวลาเลย 

 

แต่.. ชีวิตประจำวันหนูนะคะคือ กินยาลดความอ้วน พักผ่อนน้อย นอนดึกตื่นเช้า  ทำงานหนัก ช่วงต้นเดือนสิงหา

กินยาปรับฮอร์โมนให้ประจำเดือนมาปกติ 5 วันชื่อยา NORCA 

 

หนูกลัวว่าหนูจะตั้งครรภ์มากๆเลย เครียดมากค่ะ หนูยังเรียนอยู่และยังไม่พร้อม

แต่ตอนหนูมีเพศสัมพันธ์กับแฟน หนูใส่ถุงยางอนามัยตลอด ไม่รั่วไม่ขาด เช็คสภาพตลอด เคยกินยาคุมกำเนิดช่วงต้น

เดือน กรกฏาคม และหยุดกินระหว่างกลางเดือนคะ เพราะเป็นคนกินยาเยอะ ร่างกายรับไม่ไหว

คุณหมอว่าดิฉันจะตั้งครรภ์หรือเปล่าค่ะ ประจำเดือนไม่มาสักที ว่าจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจครรภ์ไปเลยจะได้ไม๊ค่ะ ผลออกมาจะชัวร์ 100 เปอร์เซ็นหรือเปล่า ?

 

แล้วหนู มีอาการ คัน แสบ ที่แคมใหญ่ของอวัยวะเพศค่ะ แล้วมีตกขาวเป็นขุ่ยๆ ติดอยู่ด้านในอวัยวะเพศและในช่องคลอด

หนูติดเชื้อราหรือเปล่าค่ะ แล้วเกี่ยวไหม๊ว่าหนูจะตั้งครรภ์เลยทำให้ระดับฮอร์โมนสูงขึ้นจึงทำให้ติดเชื้อราง่าย หนูไม่

อยากตั้งครรภ์เลย คุณหมอช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ ทั้งเรื่องตั้งครรภ์หรือไม่ และหนูติดเชื้อราหรือเปล่า ?

 

 

 

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.63 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

15 สิงหาคม 2557 09:34:48 #2

หมอขอตอบเป็นประเด็นตามปัญหานะครับ

1. ในเรื่องแรกก่อนนะครับ เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ

2. ในเรื่องการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น หากตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ ซึ่งจากวันที่ตรวจนั้น หมอคิดว่า ไม่ตั้งครรภ์นะครับ ซึ่งประจำเดือนที่ผิดปกติ ไม่มา หรือ มาไม่ตรงกำหนดนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ ก็มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ ซึ่งจากประวัตินั้น มีสาเหตุหลายอย่างที่เป็นเหตุได้ และ การทานยาในกลุ่มที่ต้องการให้ประจำเดือนมา หากทานโดยไม่ตรงกับสาเหตุ ก็อาจทำให้ผิดปกติและสับสนได้อีก ดังนั้น หมอแนะนำให้ลองสังเกตุอาการผิดปกติดูก่อนได้ครับ หลีกเลี่ยงสาเหตุที่หมอกล่าวไป หากประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ ไม่สม่ำเสมอ กะปริดกะปรอยอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

3. ส่วนในเรื่องตกขาวนั้น หากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ส่วนหากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชู่เปียกหรือ นมโยเกิร์ตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ และ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ หากอาการเป็นอย่างไรหลังให้การรักษา อาจลองให้อาการหมอเพิ่มเติม เพื่อหมอจะได้แนะนำเพิ่มเติมครับ หรือ มาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ