กระดานสุขภาพ

มีอาการปัวหัวหนักมากมีไข้และหนาวสั่น
Anonymous

16 กรกฎาคม 2557 04:10:12 #1

เริ่มแรกนะค่ะไปราชบุรีเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 57 วันนั้นไปถางหญ้าหน้าบ้าน พอตรงกลางคืนปวดหลังอย่างมาก วันที่ 13 ก.ค. 57 ก็กลับมา กทม. วันจันทร์ที่14 ไปทำงาน ช่วงเวลา11โมง มีอาการปวดหัวมากมีไข้และมีอาการหนาวสั่น ที่ทำงานจะมีสถานพยายาลจึงไปพบหมอ บอกอาการดังกล่าว หมอจึงให้ยาแก้แพ้ ยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้หวัดคัดจมูก พอทานยาเข้าไปอาการก็ดีขึ้น ไม่แวดหัว ตัวไม่ร้อน แต่ยังรู้สึกคั่นเหนื้อคั่นตัวอยู่ วันที่15ไปทำงาน ช่วงเวลา11โมงก็รู้สึกปวดหัวและหนาวสั่น ครั้งนี้จึงไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ิยู่ใก้ที่ทำงาน หมอให้เจอะเลือดและตรวจปัสวะ เมื่อผลออกมา หมอบอกว่าอาจเป็นท่อปัสวะอักเสบแต่เวลาปัสวะไม่มีอาการแสบเลยค่ะไม่ปวดท้องน้อยด้วย มีแค่อาการปวดหัวหนาวสั้นแค่นี้เองค่ะ หมอเลยให้ยาพารา ย่าฆ่าเชื้อ และวันที่18หมอจะนัดตรวจปัสวะอีกครั้ง ช่วงเย็นของวันที่15 ก.ค.57อยู่ๆก็รู้สึกหนาวสั่นตัวร้อนอีกจนทานยาพาราไป2เม็ด อาการเริ่มดีขึ้นไม่หนาวสั่นแล้ว ช่วเวลา 5 ทุ่มก็รู้สึกปวดหัวหนาวสั่นอีกจึงกินยาพาราไปอีก2เม็ด  เช่าวันที่16ก.ค.57 แค่กินน้ำเย็นไปนิดเดียว สักพักรู้สึกปวดหัวมากๆหนาวสั่น เลยกินข้าวและกินยาฆ่าเชื้อและยาพาราไป สักพักใหญ่ๆอาการก็ดีขึ้น

      หนูอยากทราบว่าอาการแบบนี้ใช้ท่อปัสวะอักเสบจริงหรอค่ะ วิธีการรักษาไม่ให้ปวดหัวและหนาวสั่นอีกควรทำอย่างไร เพราะหนูต้องทำงานค่ะหยุดหลายวันไม่ได้

      หมอบอกว่าที่เจอะเลือดไปนั้นไม่เกี่ยวกับอาการของไข้เลือดออก และไข้หวัดคงไม่ใช้ กมอเลยบอกว่าอาจจะเป็นท่อปัสวะอักเสบ

 

 

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 42 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 15.43 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์)

17 กรกฎาคม 2557 16:52:00 #2

ตอบ อาการที่คุณเล่ามาทั้งหมด เป็นอาการของมีการติดเชื้อในร่างกายซึ่งแพทย์กําลังวินิจฉัยว่า จะเป็นการติดเชื้อของอวัยวะใด การรักษาอาการของคุณ จําเป็นต้องทราบว่า มีการติดเชื้อ ที่เกิดในอวัยวะใดและอาจจําเป็นต้องทราบถึงว่า น่าจะเป็นเชื้อชนิดใด ซึ่งการจะทราบสาเหตุ คือ คุณต้องพบแพทย์ต่อเนื่อง เพื่อแพทย์สอบถามอาการต่างๆเพิ่มเติม การตรวจร่างกาย และอาจต้องมีการตรวจสืบค้นเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือดเพิ่ม ตรวจปัสสาวะ ดังนั้น คุณจําเป็นต้องพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง และควรเรียนแพทย์ให้ทราบถึงความจําเป็นในการทํางานของคุณ และคุณจําเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดูแลตนเองร่วมไปด้วย โดยการพักผ่อนที่เพียงพอ ดื่มน้ําสะอาดให้ได้มากขึ้น และกินอาหารอ่อนที่มีประโยชน์

 

พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์