กระดานสุขภาพ

เป็นผื่นแพ้ ข้างในมีน้ำใส และเป็นสิวเล็กน้อยคะ ใช้ยา *** (betamethasone dipropionate)
Anonymous

13 กรกฎาคม 2557 13:30:29 #1

เป็นผื่นภูมิแพ้ขึ้นบริเวณหน้าผาก ตอนแรกสงสัยว่าเป็นสิวนะคะเพราะบริเวณใกล้เคียงเป็นสิว ก็ใช้วิธีรักษาโดยการทา *** ไปคะแต่ไม่ดีขึ้นประกอบกับเมื่อ แกะบริเวณผื่นก็ไม่มีสิวออกมาแต่เป็นน้ำใสๆแทน จึงไปซื้อยา *** (betamethasone dipropionate) แบบทามาคะ อยากทราบว่า

1. มันใช้รวมกับกับบริเวณที่เป็นสิวด้วยได้มั้ย

2.มีส่วนผสมของสเตรียรอยด์จะมีผลกระทบอะไรรึเปล่า

3.โดยส่วนตัวมีปัญหา หน้าเคยติดเสตรียรอยด้วยคะ

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.91 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

16 กรกฎาคม 2557 13:04:01 #2

ถึง คุณ 9d7d1

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 9d7d1 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และเพื่อความเหมาะสมในการใช้สื่อสาธารณะ ทาง Admin ขออนุญาตลบชื่อทางการค้าออกจากหน้าเว็บนะคะ และทาง Admin ได้ส่งเนื้อหาทั้งหมดของคำถามให้ทางคุณหมอเรียบร้อยแล้วนะคะ ดังนั้น คุณ 9d7d1 ยังสามารถติดตามคำตอบของคุณหมอได้เช่นเดิมค่ะ

รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน

แพทย์โรคผิวหนัง

20 กรกฎาคม 2557 02:15:37 #3

จากประวัติ เข้าใจว่าเป็นผื่นผิวหนังอักเสบร่วมกับเป็นสิวค่ะ

โดยผื่นผิวหนังอักเสบนี้ มักจะแห้งๆ เป็นผื่นหรือเป็นตุ่ม แดงหรือใสก็ได้ ไม่มีสารสะสมอยู่ด้านใน (ไม่เหมือนสิว) สำหรับการรักษาผื่นผิวหนังอักเสบที่หน้า โดยทั่วไปมักใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดที่มีความรุนแรงน้อย เช่น 1-2% hydrocortisone cream, 0.02% triamcinolone cream หรือ prednicarbate cream ทายาวันละ 1-2 ครั้ง ต่อเนื่องไม่เกิน 7 วันค่ะ เพราะถ้าทานานเกินไปจะกลับเป็นตัวกระตุ้นให้สิวขึ้นได้

สำหรับสาเหตุของการเกิดผื่นนี้ ต้องสังเกตค่ะ ว่าสัมพันธ์กับอะไร ที่พบได้เรื่อยๆ คือเป็นการระคายเคืองหลังจากการใช้ยารักษาสิว ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบขึ้น ดังนั้นอาจจำเป็นต้องลดความเข้มข้นของยา หรือระยะเวลาที่สัมผัสของยาละลายสิวอุดตันค่ะ เช่นอาจลดจาก 5% benzoyl peroxide เป็น 2.5% benzoyl peroxide หรือ ลดระยะเวลาที่สัมผัสของยา เช่นทายาเพียง 3-5 นาทีแล้วล้างออกค่ะ

สำหรับเรื่องการเป็นสิว และหน้าติดสเตียรอยด์ จำเป็นต้องไปพบแพทย์รักษาต่อเนื่อง และเป็นผู้พิจารณาปรับยาเป็นระยะค่ะ เพื่อช่วยให้ใช้ยาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ควรปรับยาเองค่ะ