กระดานสุขภาพ

มีตุ่มขึ้นที่ขนอวัยวะเพศและรอบก้น และคันที่ขนอวัยวะเพศ
Anonymous

6 กรกฎาคม 2557 18:05:59 #1

สวัสดีครับ ผมขอสอบถามคุณหมอหน่อยครับ

อย่างที่ 1

คือผมมีตุ่มขึ้นที่ขนอวัยวะเพศแล้วก็บริเวณรอบเอวก้น และก็คันที่ขนอวัยวะเพศครับ

ไปหาหมอมาแล้ว หมอให้ยาทา AA0.1% Nizoral Cream(1:1)(10Gm) 2ตลับ ทาเช้า เย็น 

กับยาทาน Atarax (10MG) 10เม็ด วันละ 1 เม็ดก่อนนอน

ช่วงที่ทายา กับ ทานยา ก็ดีขึ้นและตุ่มเริ่มหาย จนหายเกือบหมดเหลือแค่ไม่ถึง 10 ตุ่ม อาการคันลดลงไม่คันแล้ว

ทายาจนหมด ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ และอาการต่างๆก็หายไปสัก 2อาทิตย์ แต่ตอนนี้ผมเริ่มมีอาการเดิมอีกแล้วครับคือ คันและมีตุ่มขึ้น ซึ่งผมแนบรูปให้มาด้วยครับ

อย่างที่ 2 ครับ

คือ มีต่อมน้ำเหลืองโตที่ขาหนีบ(น่าจะใช่) ข้างซ้ายและขวา ข้างละประมาณ 2-3เม็ด โตประมาณ 1 ซม.และ 2ซม. กดไม่เจ็บครับ และที่ คอด้านขวา 2เม็ด เล็กกว่า 1 ซม. และที่ใต้รักแร้ 2ข้าง ข้างละ 1-2เม็ด ประมาณ 1ซม.

3.รู้สึกตัวร้อน ใช้ปรอทวัดไข้ก็ได้ประมาณ 37.5 ไม่เคยเกินกว่านี้ครับ น้ำหนักมีเคยมีลด2กิโล จาก 57เหลือ54แต่ตอนนี้ปกติแล้วครับ 57นิดหน่อย เนื่องจากความเครียดหรือป่าวไม่แน่ใจครับ

ประวัติ เคยมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางเมื่อปี2554 และเคยตรวจเลือดหาเชื้อHIV(anti-hiv) เมื่อปี2557ที่คลินิคแห่งนึงและที่คลินิคนิรนามเคลื่อนที่ฟิวเจอร์ รังสิต ผลปกติ nagative ทั้ง 2ครั้ง ผลเลือดHIVปกติแล้วผมจะสามารถเป็นโรคอะไรได้อีกครับ และการตรวจเลือดของผมถือว่า ยืนยันผลได้แล้วใช่ไหมครับ

จากอาการทั้งหมด ผมเป็นโรคอะไรหรอครับ ใช้ชีวิตได้ไม่เต็มที่เลยครับ คุณหมอช่วยแนะนำหน่อยครับผม

http://haamor.com/media/images/webboardpics/7370e-14044-01.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/7370e-14044-02.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/7370e-14044-03.jpg

เพิ่มเติมรูปหน้าอก ที่มีผื่นขึ้นด้วยครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/7370e-14044-04.jpg

อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 57 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.61 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

8 กรกฎาคม 2557 08:24:14 #2

เพิ่มเติมครับ

ผื่นที่หน้าอก จะหายไปได้เองภายใน 1วัน และไม่มีอาการคันครับ เวลากรีดผิวหนัง สีผื่นก็หายไปครับ

บางวันมีมาก บางวันน้อย บางวันไม่มีครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

8 กรกฎาคม 2557 13:51:45 #3

1. เท่าที่ดูผื่นที่บริเวณขนอวัยวะเพศและรูปที่เพิ่มเติมที่บริเวณหน้าอก น่าจะเป็นการอักเสบต่อมในรูขนคล้ายกับการเกิดสิวที่หน้า อาจจะต้องกินยาแก้อักเสบและทายาฆ่าเชื้อที่ใช้รักษาสิว เนื่องจากมีการทายาแก้แพ้และยาเชื้อรา แต่ยังไม่หาย จึงแนะนำหาหมอโรคผิวหนัง

2. และ 3 ขออธิบายอาการของโรคเอดส์ คือ เมื่อรับเชื้อแล้วประมาณ 2-4 อาทิตย์ จะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นตามตัว คล้ายออกหัด หรือส่าไข้ เป็นต้น หลังจากนั้น อาการต่างๆก็จะหายไป จนเมื่อมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งอาจนานหลายปี (3-5 ปีขึ้นไป) ก็จะเริ่มมีโรคแทรกซ้อน เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ ตุ่มคันตามตัว แขนขา น้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง ในกรณีของคุณที่มีการตรวจเลือดแล้ว ผลเป็นลบทั้ง 2 ครั้ง และไม่ได้มีความเสี่ยงตั้งแต่ปี 2554 แสดงว่าไม่ติดเชื้อเอดส์ แต่ในกรณีที่มีความเสี่ยงทางเพศเพิ่มก็ควรตรวจทุก 6 เดือน

Anonymous

9 กรกฎาคม 2557 07:34:16 #4

ถ้าจะซื้อยาทาฆ่าเชื้อที่ใช้รักษาสิว มาทาเองจะได้ไหมครับคุณหมอ

และต่อมน้ำเหลืองที่โตอยู่นั่น ทำไมไม่ยอมยุบสักทีครับ โตมานานกว่า3เดือนแล้วครับ

ขอบคุณมากครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

10 กรกฎาคม 2557 14:52:33 #5

ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต แสดงว่าเคยมีการอักเสบของผิงหนังบริเวณอวัยวะเพศ หรือเคยเป็นแผลที่ขาหรือเท้า และเมื่อโตส่วนใหญ่จะไม่ยุบ จะเหลือขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร

การรักษาสิว ต้องดูว่ามีความรุนแรงมากหรือน้อย มีทั้งการใช้ยากินและยาทา แนะนำว่าควรหาหมอโรคผิวหนังเพื่อประเมินก่อน หลังจากนั้นอาจจะใช้ยาทาที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไปได้

 

อนุพงศ์

Anonymous

10 กรกฎาคม 2557 18:06:31 #6

งั้นก็แสดงว่า คนทั่วไปก็มีต่อมน้ำเหลืองโตได้ทุกคน โตแล้วจะไม่ยุบด้วย

งั้นลักษณะของผม ที่ต่อมน้ำเหลืองโต (คอ รักแร้ ขาหนีบ) นานเกินกว่า 3เดือน กดไม่เจ็บและไม่ขยายโตขึ้น ก็เป็นปกติ ใช่ไหมครับ เพราะผมเป็นอาการที่ว่าไว้ข้างต้น ทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบนี้ไม่ยุบใช่ไหมครับ

แล้วถ้าเกิดว่าเป็นโรคร้ายแรง ต่อมน้ำเหลืองจะมีลักษณะยังไงครับคุณหมอ

ขอบคุณมากครับที่สละเวลาให้ผมได้เข้าใจ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

13 กรกฎาคม 2557 05:59:11 #7

ต่อมน้ำเหลืองที่เคยโตจากการรอักเสบต่างๆ เมื่อหายแล้ว จะเหลือเป็นก้อนเล็กๆเท่าปลายนิ้วก้อย ไม่เจ็บ ในการวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้อง เช่น เอดส์ ซิฟิลิส ที่ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต ต้องใช้การตรวจเลือด ในกรณีของคุณ ผลเลือดปกติ ไม่ต้องกังวลแล้วครับ

Anonymous

14 กรกฎาคม 2557 04:43:32 #8

ขอบคุณ คุณหมอมากครับ