เรียน คุณ may1273,

ขออนุญาตตอบเป็นข้อ ๆดังที่คุณสอบถามมา

1. ตอบว่า ได้และไม่ได้ ครับ

ได้ - ผงยาด้านในแคปซุล ไม่มีการผลิตใด ๆเป็นพิเศษ สามารถผสมน้ำและเพื่อรับประทานได้

ไม่ได้ - เช่น

• แคปซูลยาเคลือบพิเศษ เพื่อให้ออกฤทธิ์นาน เช่น 12 หรือ 24 ชั่วโมง การแกะแคปซูลออกจะทำให้ตัวยาทั้งหมดละลายออกมาครั้งเดียว ดังนั้น คุณจะได้รับยาเกินขนาดในครั้งเดียว จนเกิดพิษได้
• แคปซูลเคลือบให้ละลายเฉพาะที่ลำไส้ เพื่อให้ออกฤทธิ์ตรงจุด หรือ ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
• ผงยามีรสชาติไม่ดี ทำให้รับประทานยาก
• ผงยามีฤทธิ์กัดกร่อน ระคายเคืองสูง ต้องรับประทานในรูปแคปซูลเพื่อลดการระคายเคือง เมื่อรับประทานจะค่อย ๆละลายและปลดปล่อยยาออกมา เมื่อถูกน้ำย่อยหรือของเหลวในทางเดินอาหารเจือจาง ก็จะไม่ระคายเคืองทางเดินอาหาร
• ผงยามีฤทธิ์ทำให้เกิดทารกวิรูป เมื่อเกิดการฟุ้งกระจาย หากมีสตรีวัยเจริญพันธุ์อยู่ใกล้ และสูดดมหรือสัมผัส จะเสี่ยงต่อการพิการของทารกในครรภ์ได้

ดังนั้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาคุณ โดยแจ้งตั้งแต่แรกว่ามีข้อขัดข้องที่รับประทานยาแคปซูลยาก หรือ
ลองวิธีที่ผู้ป่วยเด็กเคยใช้ได้ คือให้ดื่มน้ำก่อน 1 อึก จากนั้นดื่มอีก 1 อึกใหญ่ อมไว้ในปาก อย่าเพิ่งกลืน จากนั้นให้เงยหน้าขึ้น หย่อนแคปซุลยาลงในปาก จากนั้นให้เอียงศีรษะไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ประมาณ 45 องศา ลักษณะคล้ายพยักหน้า การเอียงศีรษะแบบนี้ จะทำให้แคปซูลซึ่งเบากว่า ลอยอยู่เหนือน้ำ แล้วค่อยกลืนน้ำพร้อมกับยาลงไป น้ำจะช่วยพาให้แคปซูลให้ไหลลงไปตามหลอดอาหารได้ง่ายขึ้น จากนั้นดื่มน้ำสะอาดตามอีก 1 แก้ว เพื่อให้แคปซุลยา
ไม่ติดที่หลอดอาหาร และไหลลงไปถึงบริเวณกระเพาะอาหารได้โดยง่ายครับ วิธีนี้สามารถใช้ได้กับยาเม็ดธรรมดา เพียงแต่สลับกัน โดยให้เอียงศีรษะไปทางด้านหลัง เหมือนแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย เม็ดยาซึ่งหนักกว่าน้ำ จะอยู่ด้านล่าง ใกล้บริเวณคอหอย เมื่อคุณกลืนน้ำที่อมไว้ จะช่วยพาให้ยาเม็ดไหลลงคอได้โดยง่าย

2. คงตอบลำบากครับ เนื่องจากหากเป็นยาที่จำเป็นต่อการรักษา เมื่อคุณงดยา อาการอาจกำเริบขึ้น จนไม่สามารถควบคุมอาการของโรคได้ หรือ เป็นยาที่ใช้รักษาตามอาการ อาจพิจารณาปรับลดขนาดยาลงได้ เพื่อให้ขนาดยาเหมาะสมกับคุณ แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรโรงพยาบาลที่คุณรักษาตัวอยู่จะดีกว่าครับ เนื่องจากต้องอาศัยข้อมูลอื่น ๆประกอบด้วย เช่น ความดันโลหิต จังหวะการเต้นของหัวใจ โรคประจำตัวอื่น ๆ หรือมีการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆร่วมด้วย โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนร่วมด้วย เช่น ชา กาแฟ ชาเขียว โกโก้ น้ำอัดลม (โดยเฉพาะน้ำดำ) พวกนี้จะส่งผลต่อการเต้นของหัวใจได้ หรือการที่คุณรับประทานยาแคปซุลไม่สม่ำเสมอ อาจส่งผลต่อการควบคุมความดันโลหิตหรือการเต้นของหัวใจได้

แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรที่โรงพยาบาลที่คุณรักษาตัวอยู่ ไม่มีที่แพทย์ไม่สามารถติดต่อได้นะครับ (ยกเว้นว่าเสียชีวิตไปก่อน) หากติดต่อไม่ได้ เช่นไปต่างประเทศ มักจะมีการฝากให้ดูแลผู้ป่วยที่อยู่ภายใต้การดูแลไว้กับแพทย์ท่านอื่น หรือหากจำเป็นจริง ๆเภสัชกรประจำโรงพยาบาลจะสามารถช่วยประสานงานกับแพทย์ท่านอื่นได้ก่อน
หากมีข้อสงสัยด้านยา อย่ารอคำตอบจากทางหน้าเว็บครับ เนื่องจากบางปัญหาอาจเร่งด่วน ส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

ขอบคุณมากค่ะ