กระดานสุขภาพ

ติดเชื้อบริเวณทวารหนัก มีอาการคันและอักเสบ และมีน้ำเหลืองครับ
Anonymous

14 พฤษภาคม 2557 03:23:17 #1

เนื่องจาก เกิดการติดเชื้อบริเวณทวารหนักครับ มีอาการ บวมแดง และ มีน้ำเหลือง
ผมจึงไปพบคุณหมอเพื่อตรวจดู คุณหมอบอกว่าเกิดการอักเสบและติดเชื้อ
คุณหมอจึงได้ให้ยา CIPROFLOXACIN 500 MG. กับ FLAGYL(Metronidazole) 400 MG
ให้มาทาน 1 อาทิตย์แล้วนัดดูผลอีกทีวันที่ 5 พ.ค. แต่เนื่องจากว่าต้องมาทำธุระที่ต่างจังหวัด
อาจจะต้องอยู่อีกหลายอาทิตย์ แล้วยาหมดมา ได้ 10 กว่าวันแล้วครับ 
เนื่องจากว่าอาทิตย์แรก ทานครบ Dose ที่คุณหมอจัดยาให้ อาการอักเสบหายไป ไม่มีอาการบวม
แต่ตอนนี้ยังมีอาการคันอยู่บางครั้ง ผมสามารถซื้อยา CIPROFLOXACIN 500 MG กับ FLAGYL(Metronidazole) 400 MG มากินอีกซัก 2-3 อาทิตย์ได้หรือไม่ครับ จะทำให้เชื้อดื้อยารึเปล่า ขอบคุณมากครับ

อายุ: 21 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 99 กก. ส่วนสูง: 183ซม. ดัชนีมวลกาย : 29.56 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

14 พฤษภาคม 2557 16:58:42 #2

เรียน คุณ 36e89,

คงตอบยากนะครับ เนื่องจากหากแผลแห้งแล้ว มักจะทำให้เกิดอาการคันได้ หากจะทราบว่าแผลยังคงมีอาการอักเสบหรือติดเชื้ออยู่หรือไม่ ต้องให้แพทย์ตรวจเท่านั้นครับ มี 2 ทางเลือก

1. โทรศัพท์สอบถามแพทย์ผู้ทำการรักษา ปรึกษาเรื่องการรับประทานยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อ ว่าจำเป็นต้องรับประทานต่อหรือไม่ แต่เนื่องจากหยุดยามาแล้ว 10 กว่าวัน ยาเดิมอาจใช้ไม่ค่อยได้ผลเหมือนเดิม เนื่องจากอาจเกิดเชื้อดื้อยาบางส่วนแล้ว

2. พบแพทย์เฉพาะทางที่ต่างจังหวัด แจ้งอาการที่เคยเป็น ยาที่เคยใช้ในการรักษา ให้แพทย์ที่ต่างจังหวัดทราบ เพื่อปรึกษาว่าจำเป็นต้องได้รับยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องหรือไม่ หรือเพียงแต่ดูแลเรื่องความสะอาดก่อนและหลังขับถ่ายเท่านั้น
ไม่แนะนำให้ซื้อยามารับประทานเองนะครับ เนื่องจากอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาต่อเนื่อง หรือเชื้อดื้อยาไปแล้ว การรับประทานยาตัวเดิม อาจไม่ได้ผลในการรักษา

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล