กระดานสุขภาพ

ผื่นคันที่หนังหุ้มปลายองคชาติและถุงอัณฑะ
Anonymous

22 มีนาคม 2557 17:14:47 #1

สวัสดีครับคุณหมอ

ผมมีปัญหาเรื่องผื่นคันที่หนังหุ้มปลายอวัยวเพศและถุงอัณฑะ แรกๆ จะคันมากเวลานอนช่วงตอนประมาณเวลา 04.00 - 07.00 น. โดยไม่มีผื่นแดง ผื่นตุ่มอะไร บรรเทาอาการคันด้วยการเกา ต่อมาประมาณ 5-7 วันตกสะเก็ด (ไม่มีแผล) ประมาณ 10-14 วัน สะเก็ดเริ่มแข็ง กว่าจะลอกออกหมดก็ประมาณ 3 สัปดาห์ ครับ

เพศ : รักร่วมเพศ

อุบัติการณ์ : เกิดมาแล้ว 3 ครั้ง (รวมครั้งนี้ด้วย) โดย 2 ครั้งแรกเกิดหลังจากมีเพศสัมพันธุ์กับคนคุ้นเคย โดยใช้ถุงยางอนามัยตลอด ตอนแรกคิดว่าเกิดจากการแพ้ถุงยาง แต่พอมาครั้งที่ 3 (ครั้งล่าสุด 2 มี.ค.) อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาเลย (ไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์กับใครเลยในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา) เริ่มต้นจากการคัยถุงอัณฑะก็เกา โดยไม่มีผื่นแดง หรือตุ่มใดๆ ต่อมาตรงนั้นตกสะเก็ด ก็เริ่มคันที่ปลายหนังหุ้มองคชาติ เหมือนกันคือไม่มีผื่น ไม่มีตุ่ม ไม่แดง ประมาณ 7 วันก็เริ่มเกิดสะเก็ดสีดำๆ นิ่มๆ และจากรูปตอนนี้เริมจะแข็งๆ เตรียมลอก
- ครั้งแรก ต้นเดือนธันวาคม 2556 (sex+ป้องกัน) และหายปลายเดือน
- ครั้งที่สอง ตั้นเดือนมกราคม 2557 (sex+ป้องกัน) และหายไปเองตอนสิ้นเดือน
- ครั้งที่สาม ต้นเดือนมีนาคม 2557 (no sex) แต่เป็นแผลเริมที่ปากด้วย และก็มีตุ่มน้ำใสๆ ในปากด้วย ตอนนี้แผลตกสะเก็ด แข็งและเริ่มลอกออก

การใช้ยา : ระหว่างนี้ไม่ได้กินยาปฏิชีวนะใดๆ มีกิจวิตามินบีรวม วิตามินซี และน้ำมันตับปลา ซึ่งกินมาเป็นปีๆ แล้วยังไม่เคยมีผลข้างเคียง และไม่เคยแพ้ยาใดๆ ครับ

การรักษา : ใน 2 ครั้งแรก ไม่ได้ใช้ยารักษาใดๆ หายเอง 3-4 สัปดาห์ ครั้งที่ 3 กินยา vilerm 400mg วันละ 4 เม็ด มาอาทิตย์หนึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นดีขึ้นเลย อาการปกติเหมือนไม่ได้กินยาใดๆ

โรคประจำตัว : โรคเริมเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ปีละ 2-3 ครั้ง บางปีก็ครั้งเดียว มีช่วง ม.ปลาย - จบ ป.ตรี ไม่เคยเป็นเลย เพิ่งกลับมาเป็นอีกประมาณ 2-3 ปีมานี้เองครับ

การตรวจโรค : เคยตรวจเลือด HIV มา 2 ครั้ง ผล negative ทั้ง 2 ครั้ง

ขอคำแนะนำเบื้องต้นจากคุณหมอด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/31db9-11129.jpg

อายุ: 28 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.63 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

24 มีนาคม 2557 07:17:29 #2

เนื่องจากรูปไม่ค่อยชัด ไม่เห็นรายละเิอียดของผื่น มีประวัติว่าผลการตรวจ HIV ปกติ แสดงว่าไม่มีการติดเชื้อเอดส์ ขอตอบดังนี้

1. ถ้าเป็นเริม ส่วนใหญ่จะเริ่มด้วยตุ่มน้ำใส แล้วแตกเป็นแผล แผลจะเริ่มแห้งและหายใน 7-14 วัน แต่ถ้ากินยาแก้เริม เช่น acyclovir ตุ่มใสอาจจะยุบโดยไม่เป็นแผลหรือเป็นแผลแต่จะหายเร็วขึ้น ในกรณีของคุณ ถ้าแน่ใจว่าไม่มีตุ่มใส มีอาการคันและเกา อาจไม่ใช่เริม แต่เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการระคายเคืองหรือแพ้สารที่มาสัมผัส ให้งดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้ ใช้ยาทาแก้แพ้ เช่น triamcinolone หรือ betamethasone ทา เช้าเย็น น่าจะดีขึ้นใน 7-14 วัน

2. ส่วนที่เป็นครั้งที่ 3 ที่บอกว่ามีตุ่มใสที่ปากด้วย ครั้งนี้อาจจะเป็นเริม ซึ่ง

รักษาโดยใช้ยา aciclovir 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชม. ประามาณ 5-7 วันแต่ต้องรีบกินในขณะที่เริ่มเป็นใหม่ๆ ถ้าแผลแตกหรือเริ่มแห้งตกสะเก็ด ก็ไม่จำเป็นต้องกิน

สรุป แนะนำให้หาหมอผิวหนังตอนที่เริ่มเป็นใหม่ๆ จะได้เป็นรอยโรคชัดเจน ว่าเกิดจากการแพ้หรือเริม

นพ. อนุพงศ์