กระดานสุขภาพ

คันตรงที่หัวองคชาต
Blac*****a

18 ตุลาคม 2556 13:52:57 #1

คันตรงที่หัวองคชาต หัวองคชาตมีฝาสีขาวๆ แล้วก็คันตรงที่หนังหุ้มปลายตรงเส้นสองสลึง

จะเป็นเชื่อราหรือป่าวครับ

แล้วจะใช้ยาประเภทไหนทาดีครับ

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.88 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

18 ตุลาคม 2556 14:56:48 #2

ถ้าไม่มีความเเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ไม่เคยเที่ยว หรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง ที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคือง แพ้สารที่ผสมในสบู่หรือเจลอาบน้ำ หรือเป็นเชื้อราร่วมด้วย วิธีรักษาคือเริ่มด้วยการทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ เช่น สบู่เด็ก ห้ามใช้สบู่ยาหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ จะยิ่งบวมและอักเสบมากขึ่น เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อราและเสตียร์รอยด์อ่อนๆ เช่น clotrimazole+ triamcinolone 0.02% ประมาณ 5 -7 วัน น่าจะดีขึนครับ ควรเว้นกิจกรรมทางเพศให้หายสนิทก่อนครับ แต่ถ้ามีประวัติเสี่ยง เช่น มีคู่นอนมากกว่า 1 คนหรือ มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุง หรือ คู่นอนมีพฤติกรรมเสี่ยงต้องนึกถึงกามโรค เช่น เริม ซึ่งถ้าเป็นเริม รอยโรคจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มแดง แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายใน 1-2 วัน ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลตื้นๆ เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอผิวหนัง

 

นพ. อนุพงศ์

Blac*****a

18 ตุลาคม 2556 15:17:17 #3

คือผมเคยไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นเริ่มแล้วก็รักษา หายมาหลายเดือนแล้วมันกลับมาเป็นอีกอะครับอาการก็คือเป็นตุ่มแดงๆ แล้วก็เป็นแผลอะครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

21 ตุลาคม 2556 09:53:31 #4

ถ้าเคยเป็นเริม ก็จะมีโอกาสเป็นๆหายๆได้ ขออธิบายเรื่องเริมดังนี้

เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อเริม (ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเองได้ ต้องระวังการมีเพศสัมพันธ์ เพราะจะติดต่อได้ง่าย

 

นพ. อนุพงศ์