กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนยังไม่มา
Anonymous

5 ธันวาคม 2560 13:48:07 #1

กินยาคุมฉุกเฉินไป2แผงใน1เดือนคะกินห่างกันแค่1วันเพราะไม่ได้ป้องกัน หลังเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย3สัปดาห์ตรวจพบ 1ขีดคะ นี่ประจำเดือนเลื่อนมา7วันแล้วคะ สามารถกินยาสตรีหรือยาคุมปกติให้ประจำเดือนมาได้มั้ยคะ
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 40 กก. ส่วนสูง: 150ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.78 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

11 ธันวาคม 2560 04:14:28 #2

เรียน คุณ abf65,

ก่อนตอบคำถามของคุณ ขออนุญาตให้ข้อมูลการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในทางการแพทย์นั้นจะใช้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถวางแผนการคุมกำเนิดได้ล่วงหน้าเท่านั้น ได้แก่ เมื่อถูกข่มขืน หรือเกิดถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม จากการใช้งานไม่ถูกต้อง* ไม่แนะนำให้ใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากปริมาณฮอร์โมนค่อนข้างสูง คือ 1,500 ไมโครกรัม (เทียบกับชนิดปกติ 50-75 ไมโครกรัม) และมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง 8-15 เปอร์เซ็นต์ (เทียบกับชนิดปกติ น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์)

กลไกการออกฤทธิ์หลัก 3 ประการ คือ

  • 1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เพื่อลดโอกาสที่อสุจิจะผ่านไปพบกับไข่
  • 2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวน้อยลงหรือช้าลง เพื่อลดโอกาสที่ไข่จะมาพบกับอสุจิ
  • 3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง เพื่อลดโอกาสที่ตัวอ่อนจะมาฝังและเจริญต่อไปได้ (หากมีการผสมกันของไข่กับตัวอสุจิ)

วิธีการรับประทานยาที่ถูกต้อง ควรรับประทานยาไม่เกิน 48 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์

1. รับประทานยาเม็ดแรกทันที และรับประทานยาเม็ดที่สอง ห่างจากยาเม็ดแรก 12 ชั่วโมง
ข้อดี คือ อาการไม่พึงประสงค์ด้าน เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน น้อยกว่า และหากมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีกก่อนถึงเวลารับประทานยาเม็ดที่สอง ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเพิ่มอีก
ข้อเสีย คือ มักลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง หรือรับประทานยาล่าช้ากว่า 12 ชั่วโมง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์

2. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ดทันที หลังจากมีเพศสัมพันธ์
ข้อดี คือ ระดับยาในเลือดสูงขึ้นทันที และไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง
ข้อเสีย เนื่องจากระดับยาในเลือดสูงขึ้นทันที อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาด้านเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน จะมากกว่าวิธีแรก

อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา : เวียนศีรษะ มึนงง คัดตึงเต้านม คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด ประจำเดือนผิดปกติ (มาช้าหรือไม่มาตามปกติ) เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือน
โดยจะมีเลือดคล้ายประจำเดือนหลังจากรับประทานยา 7-14 วัน ส่วนเลือดประจำเดือนจะมาหลังจากนั้นประมาณ 10-14 วัน

ข้อควรระวัง : ไม่ควรรับประทานยาเกินกว่า 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากเหตุตกเลือดในช่องท้อง เนื่องจากตั้งครรภ์นอกมดลูก

กลับมาที่คำถามของคุณ เนื่องจากคุณรับประทานยา 2 กล่องต่อเนื่องกัน ทำให้จึงกดการสร้างฮอร์โมนเพศจากต่อมใต้สมองตามปกติ ดังนั้นควรรอ 2 สัปดาห์ จนกว่าประจำเดือนจะมาตามปกติ

ไม่ควรรับประทานยาฮอร์โมนหรือยาสตรีใด ๆ จนทำให้ระบบฮอร์โมนเพศเสียสมดุลเพิ่มอีก

หากผ่านไป 4 สัปดาห์ (โดยที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เพิ่มอีก) ประจำเดือนยังไม่มาตามปกติ อาจใช้ชุดอุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์เพื่อทำการตรวจซ้ำอีก หากผลตรวจไม่ได้ตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ขอแนะนำเพิ่มเติม หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ วิธีการสวมถุงยางอนามัยจะเหมาะสมมากกว่านะครับ เพราะนอกจากจะช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสตับอักเสบชนิด B/C หรือหากโชคร้ายสุดคือไวรัสเอชไอวี ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV - human Papillomavirus) ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และหูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชายอีกด้วย

หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ี่ยวกับการใช้ยา ควรสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร "ก่อน" เริ่มต้นการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยจากการใช้ยาสูงสุด

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

 

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

การคุมกำเนิด (Contraception)

แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
สูตินรีแพทย์

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)

แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
สูตินรีแพทย์

ยาลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)
ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม