กระดานสุขภาพ

สงสัยมากค่ะว่าจะมีโอกาสท้องมั้ย
Ppii*****e

17 มีนาคม 2559 01:40:50 #1

สวัสดีค่ะ.พอดีมีข้อสงสัยและอยากรุ้มากๆค่ะว่ามีโอกาสจะท้องมั้ยแล้วทำไงถึงไม่ตั้งท้อง คือวันที่13มีนาคมที่ผ่านมา.มีอะไรกันกับแฟนแต่มีแปปเดวค่ะเพราะเจบช่องคลอดก่อน..แต่ก่อนจะมีอะไรกันก้อเล่นถูๆไถๆที่อวัยเพศยุค่ะ.แบบไม่ได้ใส่ถุงยางจะมีโอกาสที่น้ำอสุจิจะเข้าไปมั้ยคะ.แต่ตอนที่จะสอดใส่ถุงยางยุค่ะแต่ใส่ผิดด้านเลยใส่ใหม่แต่ยังเปนถุงยางอันเดิมค่ะแล้วแฟนก้อสอดใส่แต่สอดได้แปปเดวรุ้สึกเจบก้อเลยพอ.แล้วพอเอาออกอีกสักพักน้ำของฉันก้อหลั่งออกมา... แล้ว ปจด ของฉันก้อยังม่มา.เมื่อเดือนที่แล้ว.ปจด.มา15-19 กุมพา.ค่ะ ปกติ ปจด ก้อมามั่ยปกติค่ะ.แต่เดือนนี้ยังม่มาเลยค่ะ.แล้วพอตรวจหลังวันที่เพศสัมพันกับแฟนแล้ว4วัน มาวันที่16มาตรวจครรภ์ที่ปัสสะวะ.ตรวจเองก้อขึ้นขีดเดียว.หรือ ออกผลลบค่ะ เลยซื้อ.ยา****มากิน.อยากทราบว่าจะมีโอกาสท้องมั้ยคะ
อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.98 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Ppii*****e

17 มีนาคม 2559 02:20:49 #2

หมอยุมั้ยคะ.ตอบหน่อย
Ppii*****e

17 มีนาคม 2559 02:38:10 #3

อยากรุ้จิงๆค่ะ.แง้วแก้ไขยังงัยให้ม่ท้อง
Ppii*****e

18 มีนาคม 2559 11:24:10 #4

คุนหมอไปไหนคะ.อยากทราบจิงๆคะ
Haamor Admin

(Admin)

19 มีนาคม 2559 07:28:50 #5

ถึง คุณ ppiiee, bd709

คุณหมออาจจะติดภาระกิจ ทำให้ไม่สามารถมาตอบคำถามได้ทันทีค่ะ อาจจะต้องรอหน่อยนะคะ แต่คุณหมอจะเข้ามาตอบแน่นอนค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

21 มีนาคม 2559 03:53:27 #6

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ ส่วนหากในการมีเพศสัมพันธ์นั้น มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ถุงยางอนามัยก่อนสอดใส่อวัยวะเพศ ถือว่า เป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพครับ ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ สบายใจได้ โดยไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเช่นกันครับ

ในเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยกลับด้านนั้นและเมื่อทราบได้เปลี่ยนไปใช้อันใหม่ ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่หากนำมากลับด้านแล้วใส่ใหม่อีก โอกาสที่จะทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับแต่น้อยมากๆ และหากกังวลมาก ก็อาจทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินได้ครับ แต่อาจทำให้มีผลข้างเคียงได้ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ ซึ่งที่กล่าวมาเรื่องประจำเดือนผิดปกตินั้น ก็เป็นผลจากยานี้ครับ อย่างไรก็ตามหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

ในความคิดเห็นของหมอ หมอขอกล่าวโดยรวมๆนะครับ ในเรื่องกลุ่มยาที่กล่าวมานั้น ในตัวยาประเภทนี้ เป็นยาที่มีส่วนประกอบของสมุนไพร ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์นั้นอาจคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งจะทำหน้าที่กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูก อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้นได้ แต่จะไม่มีฮอร์โมนที่ทำให้เยื่อบุหลุดลอกสลายตัวออกมาได้ ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ อาจทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก หรือ มีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ โดยในความเห็นของหมอ ไม่ควรทานยาประเภทนี้นะครับ เพราะอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกตินั้น เกิดจากอะไร ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ