กระดานสุขภาพ

ประจำเดือน ยาคุม เพศสัมพันธ์ การตั้งครรภ์
Amar*****i

15 กรกฎาคม 2558 01:02:06 #1

ประจำเดือนครั้งล่าสุดมาแล้วเว้นไป 1 เดือน พอมาเดือนนี้เลยไปซื้อยาสตรีมาทาน ทานไป ไม่กี่วัน ประจำเดือนก้มาเลยหยุดยาสตรี ประจำเดือนมาวันแรกเราก้กินยาคุมเลย ชนิด 21 เม้ด กินตรงเวลา ช้าเร้วไม่เกิน 5 นาที กินมาทุกวัน คือประจำเดือนมาตั้งแต่วันที่ 4 จนเมื่อวานยังเห็นคราบน้ำตาลๆเปื้อนที่ กางเกงในอยู่เลยค่ะ ไม่รู่ว้าเพราะยาสตรี ยาคุมหรือ ที่มันเว้นไป 1 เดือน แล้ว อยากทราบว่ายาคุมถ้าเริ่มแผงเเรกในเดือนนี้ กินพร้อมประจำเดือนมาวันแรก จะมีผลคุมกำเนิดเมื่อไรค่ะ ตามฉลากยาบอกคุมได้เลย แต่พี่เภสัชบอกยาคุมต้องใช้เวลา 3 แผงถึงจะคุมค่ะ มีเพศสัมพันธ์กับแฟนระหว่างมีประจำเดือนแฟนสวมถุงยางค่ะ แต่ขอสดที่ด้านหลังถ้ามีอสุจิไหลมาด้านหน้าจะมีโอกาสตั้งครรภ์ไหมค่ะตอนนั้นกินยาคุมได้ 3 วันแล้ว รบกวนสอบถามนะค่ะ
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.03 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

22 กรกฎาคม 2558 15:46:13 #2

หากในรอบประจำเดือนก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะทานยาคุมกำเนิดนั้น ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์มาก่อน การที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศนั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ

เรื่องยาสตรีหรือสารต่างๆที่มีผลในแง่นี้นั้นอาจเป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติได้ ซึ่งจากประวัติที่กล่าวมานั้น มีการทานยาในกลุ่มนี้ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีจะมีสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง ที่เรียกว่า phytoestrogens ครับ ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธ์ิคล้ายฮอร์โมนนี้ที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้นะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่อีก เช่น เลือดออกผิดปกติ เป็นต้นครับ ดังนั้น หมอคิดว่า เลือดที่ผิดปกตินั้น น่าจะเกิดจากผลของยาสตรีครับ

ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนหากต้องการคุมกำเนิดด้วยยาเม็ดคุมกำเนิดนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ ซึ่งหากทานถูกต้องยาคุมกำเนิดนี้จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดคือยับยั้งการตกไข่ได้ตั้งแต่รอบเดือนแรกที่ทานเลยครับ