กระดานสุขภาพ

อาการปวดท้องหน่วงๆตอนมี ปจด แต่ว่าไม่มี ปจด ช่วยตอบที่ครับ
Anonymous

13 พฤศจิกายน 2557 14:19:51 #1

แฟนผมมี ปจด. เดือนก่อนวันที่ 7-9 แต่ว่าเดือนนี้ วันที่ 13 แล้วยังไม่มา แล้วเขาก็รู้สึกปวดท้องหน่วงๆเหมือนมี ปจด. มา แต่กลับว่าไม่มี แล้วก่อนหน้านี้ช่วงปลายเดือนก่อนผมมีอะไรกับแฟนแต่ว่าไม่ได้สอดใส่แล้วก้เสร็จกันทั้งคู่ แต่ไม่รู้ว่านิ้วที่ช่วยเขาไปนั้นจะมีคาบอะสุจิอยู่ไหม แต่ว่าผมก็ล้างมือแล้วก็เช็ดมือแล้ว เมื่อสองวันก่อนฃื้อที่ตรวจครรภ์มา ปรากฏว่าขึ้นขีดเดี่ยว แล้วถ้าหากต้องการตวจอีกต้องรอถึงวันไหนจึงจะตรวจครรภ์ได้อีกครั้ง?  คุณหมอครับเหตุการณ์นี้จะมีโอกาสท้องไหม?

 **ตอนนี้แฟนผมกินยา***แบบเม็ด อยู่สองวันมาแล้ว ปจด. เขาก็ยังไม่มา ** เครียดมากครับ

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 156ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.49 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

13 พฤศจิกายน 2557 14:32:04 #2

ถึง คุณ 30183

เพื่อความเหมาะสมในการใช้สื่อสาธารณะ ทาง Admin ขออนุญาตลบชื่อทางการค้าออกจากหน้าเว็บนะคะ และทาง Admin ได้ส่งเนื้อหาทั้งหมดของคำถามให้ทางคุณหมอเรียบร้อยแล้วนะคะ ดังนั้น คุณ 30183 ยังสามารถติดตามคำตอบของคุณหมอได้เช่นเดิมค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

15 พฤศจิกายน 2557 04:28:17 #3

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ ดังนั้น สบายใจเรื่องการตั้งครรภ์ได้นะครับ ส่วนเรื่องประจำเดือนที่ผิดปกตินั้น ลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ

ซึ่งจากประวัติที่กล่าวมานั้น มีการทานยาในกลุ่มที่กล่าวมานั้น ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่การควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธ์ิคล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้นะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่นั้น เกิดจากอะไร

ดังนั้น ในความคิดเห็นของหมอ หมอแนะนำให้หยุดยาที่กล่าวมาก่อนนะครับ และ ลองสังเกตุอาการผิดปกติดู หากประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ ไม่สม่ำเสมอ กะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนานเกิน 2 - 3 สัปดาห์แล้วควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ