กระดานสุขภาพ

กินยาคุมฉุกเฉินกับน้ำปั่น
Anonymous

8 กันยายน 2561 03:43:59 #1

สวัสดีค่ะคุณหมอ พอดีมีอะไรกับเเฟนเเล้วกินยาคุมฉุกเฉินทันทีนะคะเเต่ตอนนั้นหาน้ำเปล่าไม่ได้เลยค่ะ เลยกินยาคุมฉุกเฉินพร้อมกับน้ำสตอเบอร์รี่นมสดอะค่ะ เเล้วพึ่งมานึกได้ว่ากินยากับนมไม่ได้ เเต่นมที่ผสมในน้ำปั่นมีไม่มากนะคะ เเบบนี้จะทำให้กินยาคุมฉุกเฉินฟรีรึป่าวคะ
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 47 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.36 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

14 กันยายน 2561 07:15:56 #2

เรียน คุณ 27637,

ก่อนตอบคำถามของคุณ ขออนุญาตให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฉุกเฉิน ว่าเป็นยาที่ในทางการแพทย์ใช้ก็ต่อเมื่อ ไม่สามารถใช้การคุมกำเนิดได้ล่วงหน้า เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือ เมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม (ซึ่งเกิดได้ยากมาก เนื่องจากถุงยางอนามัยนับเป็นเครื่องมือแพทย์ ต้องผ่านการทดสอบตามหลักวิชาการ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้ที่ไม่ถูกต้อง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความที่แนะนำ) ไม่แนะนำให้ใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง (8-15 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ ที่มีอัตราเสี่ยงน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์) และมีปริมาณฮอร์โมนสูงมาก คือ 1500 ไมโครกรัม (เทียบกับยาคุมกำเนิดชนิดรายเดือน ที่มีเพียง 50-75 ไมโครกรัม)

ข้อควรระวังพิเศษ คือ ไม่ควรใช้เกินกว่า 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากอาจทำให้เกิดการตกเลือดในช่องท้อง จนถึงแก่ชีวิตได้ จากการตั้งครรภ์นอกมดลูก

และยังมีรายงานว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากเกินกว่า 3 ชุดตลอดชีวิต มีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งมากกว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติ เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม และรังไข่ ฯ

จากข้อมูลส่วนบุคคล หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ การใช้ถุงยางอนามัยจะเหมาะสมที่สุดนะครับ เนื่องจากตัวคุณก็ไม่จำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนจากยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน (หนองในเทียม) พยาธิในช่องคลอด เชื้อราในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสตับอักเสบชนิดบี / ซี หรือหากโชคร้ายสุด คือไวรัสเอชไอวี ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัส เอชพีวี (HPV - human Papillomavirus) ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และหูดหงอนไก่ มะเร็งองคชาติในเพศชายอีกด้วย หรือหากคุณอายุยังไม่ถึง 20 ปี สามารถรับบริการฝังยาคุมกำเนิดได้ ฟรีที่สถานบริการพยาบาลของรัฐ

กลับมาที่ึคำถามของคุณ แนะนำให้รับประทาน "ยาทุกชนิด" ด้วยน้ำเปล่าสะอาด (ยกเว้นว่าแพทย์หรือเภสัชกรจะมีคำแนะนำอื่น ๆ) เนื่องจากเครื่องดื่มหลายชนิดจะทำให้ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้ เช่น ชา (ชาขาว ชาเขียว ชาแดงฯ) กาแฟ โกโก้ นม (รวมถึงโยเกิร์ต) น้ำเต้าหู้ โซดา น้ำอัดลม ฯ

หรือน้ำผลไม้บางชนิดจะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งในการเผาผลาญกำจัดยา มีการผลิตเอนไซม์หรือน้ำย่อยเพิ่มมากขึ้น ตับจึงเผาผลาญหรือกำจัดยาได้มากหรือเร็วขึ้น จนทำให้ระดับยาในเลือดลดต่ำลง จนลดประสิทธิภาพของตัวยา เช่น น้ำส้มคั้น น้ำเกรปฟรุต น้ำแอปเปิ้ล น้ำแครนเบอร์รี่ ฯ หรือตัวยาบางชนิด ห้ามแม้กระทั่งน้ำแร่ เช่น ยากลุ่มฺบิสฟอสโฟเนต ที่ใช้ในการรักษาภาวะกระดูกพรุน เพราะทำให้ตัวยาตกตะกอนและขับถ่ายออกทางอุจจาระ

ส่วนที่ดื่มนมกับยาไปแล้ว คงตอบได้ยากนะครับ ว่าจะส่งผลมากน้อยเพียงใด ให้สังเกตอาการว่าหลังจากรับประทานยาไปแล้ว เกิน 3 สัปดาห์ ประจำเดือนมาตามปกติหรือไม่ หากไม่มีประจำเดือน แนะนำให้ใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่

หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจขาดข้อมูลสำคัญ หรือบางครั้งอาจช้าเกินไป ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพจนถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้


เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล


แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

  • ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
  • แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
  • สูตินรีแพทย์
  • ยาลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)
  • ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม
  • การคุมกำเนิด (Contraception)
  • แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
  • สูตินรีแพทย์