กระดานสุขภาพ

กินยาคุมร่วมกับ Clindamycin และ AMK
Anonymous

19 มิถุนายน 2561 03:36:03 #1

ได้ทานยาคุม Yaz ร่วมกับยาฆ่าเชื้อ Clindamycin และ AMK เนื่่องจากเป็นไซนัสอักเสบ (ทั้งสองตัวทานวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ครั้งละ 1 เม็ด) ทานมาได้ 5 วัน เกิดมีเลือดไหลผิดปกติคล้ายประจำเดือน แต่ไม่มาก มีปวดท้องน้อยเล็กน้อย ในขณะที่กินยาคุมเม็ดที่ 17 (ยังไม่หมดแผง) เข้าใจน่าจะเกิดจากยาตีกัน ได้ทานยาคุมต่อมาเรื่อยจนจะหมดแผง และเลือดที่ไหลผิดปกติก็ได้หยุดไปแล้ว ปล.ปกติประจำเดือนจะมาเม็ดหลอกสุดท้ายของแผลทุกเดือน

อยากทราบว่า 1) การมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกันและหลั่งใน ที่ยาคุมหลอก ที่ 1 - 4 เม็ดสุดท้ายของยาคุม มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์หรือไม่คะ ? (ก่อนหน้านั้นไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เนื่องจากแฟนไม่อยู่) 2)หากมีความเสี่ยงควรกินยาคุมฉุกเฉินหรือเปล่า 

อายุ: 23 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.32 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

21 มิถุนายน 2561 17:26:57 #2

เรียน คุณ 6a6ef,

ขอแยกตอบตามประเด็นคำถามนะครับ

  • 1. การที่มีเลือดออกกะปริบกะปรอยก่อนที่ยาจะหมดแผง เป็นผลจากการที่เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา "ยาตีกัน" จนทำให้ระดับยาในเลือดลดต่ำลง จนทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกเกิดการฉีกขาดหรือหลุดลอกก่อนกำหนด และอาจไม่สามารถยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ ดังนั้นหากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงดังกล่าว ก็จะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้
  • หากจำเป็นต้องรับบริการทางการแพทย์หรือไปซื้อยา / ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆมาใช้ร่วมกัน ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อป้องกันหรือหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆจนเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
  • 2. การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงรับประทานยาเม็ดแป้ง โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัยและมีการหลั่งใน จะเลยช่วงที่จะมีการตกของไข่ไปแล้ว ดังนั้นโอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์จะน้อยมากๆครับ
  • 3. ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินใด ๆ มิฉะนั้นจะยิ่งทำให้ระบบฮอร์โมนเพศและการทำงานของระบบสืบพันธุ์เกิดการแปรปรวน

ขอแนะนำเพิ่มเติม หากจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ ต้องใช้การสวมถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้ง หากต้องมีเพศสัมพันธ์ ทั้งระหว่างที่รับประทานยาปฏิชีวนะอยู่ และหลังจากยาปฏิชีวนะครบขนาดไปแล้ว 3-5 วัน และไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินร่วมด้วย มิฉะนั้นจะส่งผลให้ประจำเดือนมาล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้ไม่ทราบว่าเป็นผลจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือเกิดการตั้งครรภ์

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

  • ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
  • แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
  • สูตินรีแพทย์
  • ยาลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)
  • ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม
Anonymous

22 มิถุนายน 2561 00:36:32 #3

คุณเภสัชกรค่ะ วันนั้นหนูร้อนใจจึงไปปรึกษาเภสัชกรร้านBoo** เขาบอกให้หนูรับประทานยาคุมฉุกเฉินร่วมด้วย หนูจึงซื้อมารับประทาน ตอนนี้ประจำเดือนขาดไป 1 วันแล้ว หนูคิดว่าน่าจะเกิดจากฮอโมนแปรปรวนอย่างที่คุณเภสัชกรบอก

หนูควรทำอย่างไรดีคะ 1) ไปพบแพทย์หรือรอจนกว่าประจำเดือนจะมาคะ 2) แล้วขณะนี้หนูเริ่มยาคุมแผงใหม่เลยหรือรอประจำเดือนมาคะ

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

 

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

22 มิถุนายน 2561 17:01:54 #4

เรียน คุณ 6a6ef,

ไม่แน่ใจว่าได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เภสัชกรที่ร้านยาฟังหรือไม่ เนื่องจากอาจได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน จึงได้แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มเติมลงไป ส่วนใหญ่ยาคุมกำเนิดชนิดฉุกเฉินนี้ จะทำให้รอบประจำเดือนล่าช้าออกไป ประมาณ 7-10 วัน โดยหลังจากรับประทานยาจะมีเลือดออกคล้ายประจำเดือน แต่เป็นจากกลไกการออกฤทธิ์ของยา ที่ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางตัว ไม่เหมาะที่ตัวอ่อนจะมาฝังตัวและเจริญเป็นทารกได้ หลังจากนั้น 7-10 วัน จึงจะเริ่มมีประจำเดือนมาตามปกติ

ดังนั้น 1. ไม่ต้องปฏิบัติตนเพิ่มเติม รอจนกว่าประจำเดือนจะมาตามปกติ แล้วจึงจะเริ่มต้นรับประทานยาเม็ดแรกภายในวันแรกที่มีประจำเดือน (หรือช้าสุดต้องไม่เกินวันที่ 5 ของการมีประจำเดือน) เพื่อให้ตัวยายับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ตั้งแต่รับประทานยาเม็ดแรกครบ 24 ชั่วโมง

2. ไม่แนะนำให้เริ่มรับประทานยาแผงใหม่จนกว่าจะมีประจำเดือน เนื่องจากไม่แน่ใจว่าประจำเดือนที่ไม่ได้มาตามปกตินั้น เกิดจากฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือว่าเกิดการตั้งครรภ์

หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที เนื่องจากต้องมีการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อร่วมกันประเมินแนวทางแก้ไขปัญหาจากการใช้ยาที่เหมาะสมต่อไป
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล