กระดานสุขภาพ

ทานยาโรคต่อมลูกหมากแล้วความดันลด
Sapi*****n

24 ธันวาคม 2556 13:06:06 #1

เดิมเป็นความดันโลหิตสูงตั้งแต่ปี 2547 ปัจจุบันทานยา Micardis 40 mg วันละ 1 เม็ดหลังอาหาารเช้า ต่อมาวันที่ 14 ธันวาคม 2556 เลือกออกทางอวัยวะเพศ ส่องกล้องพบว่าเป็นต่อมลูกหมากโต หมอให้ทานยา Doxazosin (Pencor) 2 mg วันละ 1 เม็ด ก่อนนอน และ Ofloxacin (Ofloxin) 200 mg 1 เม็ด 2 ครั้งหลังอาหารเช้าเย็น

มีคำถามดังนี้ครับ

1. วันนี้วัดความดันโลหิต ได้ 104/63 มีผลจากยารักษาต่อมลูกหมาก หรือเปล่าครับ เป็นอันตรายไหม ถ้ามันลดลงเรื่อยๆ

2. ปกติต่อมลูกหมากโตรักษาหายขาดไหมครับ และจะพัฒนากลายเป็นมะเร็งไหมครับ และจะลามโรคไปยังกระเพาะปัสสาวะและอื่นๆ ไหมครับ ตอนนี้ยังมีเลือดออกอยู่ปกติเลือดจะหยุดในกี่วัน

ขอบคุณมากครับ

อายุ: 58 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

26 ธันวาคม 2556 04:18:47 #2

ตอบข้อ 1

เรียน คุณ sapin,

จากคำถาม คุณไม่ได้แจ้งว่าเดิมความดันโลหิตสูงเท่าไหร่ และมีโรคอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เพราะแต่ละโรคมีเป้าหมายในการลดความดันโลหิตแตกต่างกัน เพื่อลดอัตราการตายจากโรคแทรกซ้อน แต่จากตัวยาที่คุณให้มา Doxazosin เป็นตัวยาทางเลือกแรกที่ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการต่อมลูกหมากโต ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงร่วมด้วย

ตัวยานี้ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่หลอดเลือด และที่กล้ามเนื้อรอบต่อมลูกหมาก และท่อไต ทำให้ช่วยลดความดันโลหิต และช่วยให้ระบบปัสสาวะทำงานดีขึ้น ดังนั้น ยาทั้งสองตัวจะเสริมฤทธิ์ในการช่วยลดความดันโลหิต หากคุณรู้สึกหน้ามืด เวียนศีรษะ เนื่องจากความดันโลหิตลดต่ำเกิน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์นะครับ เพื่อปรับเปลี่ยนยาตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งยาทั้งสองรายการมีประโยชน์ต่อการรักษาของคุณ ตัวยา Micardis มีรายงานที่ใช้ป้องกันและลดความเสี่ยงจากการตายด้วยโรคทางหลอดเลือดและหัวใจในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง ที่อายุมากกว่า 55 ปี ขึ้นไป (เช่น อ้วน เบาหวาน มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะไขมันในเลือดสูง ฯ)

ส่วน Doxazosin ช่วยในเรื่องภาวะต่อมลูกหมากโต ลดอาการปัสสาวะขัด กะปริบกะปรอย หรือปัสสาวะไม่สุด

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

ศ.คลินิก (เกียรติคุณ) นพ. สุชาติ ไชยเมืองราช

(ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ)

26 ธันวาคม 2556 04:22:31 #3

ตอบข้อ 1

ความดันต่ำไปครับ เนื่องจากยาทั้งสองชนิดนั้น ช่วยกันลดความดันลงมาก การกินยาเดิมต่ออาจทำให้ หน้ามืด เป็นลมได้ ถ้ามีการเคลื่อนไหวมาก หรือเปลี่ยนท่านั่งนอนยืนทันที

แนะนำว่า ควรเปลี่ยนยารักษาโรคต่อมลูกหมากโต ชนิดไม่มีผลต่อ ทำให้ความดันโลหิตต่ำ คือยา Harnal(ocas) หรือยา Xatral (xl)ครับ
โดยไม่ต้องเปลี่ยนยา mycardis ครับ แล้วลองติดตามผลอีก 1-2 สัปดาห์ครับ

ตอบข้อ 2

BPH เป็นโรคของความชรา ของผู้ชาย อายุ 50 ปีขึ้นไป รักษาตามอาการมากน้อย

  1. ถ้าอาการน้อย อาจจะเพียงเฝ้าระวัง
  2. ถ้าอาการมากขึ้นให้กินยารักษา
  3. ถ้าอาการมาก ทั้งที่กินยาแล้ว หรือมีอาการเพิ่มเติมอื่น เช่น ติดเชื้ออักเสบ เลือดออก มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ค่าของเสียในเลือดสูงขึ้น(creatinine) เนื่องจากไตเริ่มเสื่อมลง หรือปัสสาวะไม่ออกต้องใช้สายสวน เป็นข้อบ่งชี้ต้องใช้ การผ่าตัดรักษาโรคต่อมลูกหมากโต ครับ

Bph ไม่ใช่โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และไม่พัฒนาต่อไปเป็นมะเร็ง จุดเกิดของทั้งสองโรคในต่อมลูกหมากต่างกัน สาเหตุการเกิดโรคต่างกัน ธรรมชาติของโรคต่างกัน
แต่มีความคล้ายกันคือ เป็นก้อนเกิดใหม่ในผู้สูงอายุ อายุมากขึ้นมีโอกาสเป็นสูงขึ้น อาการของโรคจากการอุดตันหรือระคายเคืองทางเดินปัสสาวะคล้ายๆกันได้ครับ

เลือดจากโรคต่อมลูกหมากโต (bph) เกิดจากการอักเสบเพราะการอุดกั้นปัสสาวะ เมื่อหายอักเสบเลือดหยุดได้ าจจะใช้ยาบางตัวเช่น proscar ช่วยได้ครับ