กระดานสุขภาพ

แม่เป็นเบาหวาน+ความดัน+ไตขั้น4
Apis*****a

9 ตุลาคม 2561 06:22:08 #1

สวัสดีค่ะ คือหนูมีเรื่องจะมาปรึกษาอะค่ะ เครียดมาก ตอนแร่แม่ตรวจพบเจอ โรคเบาหวาน กับความดันโลหิตสูง จากนั้นแม่เขาก้ควบคุมอาหารน้ำตาลต่างๆ จนกระทั่งมาตรวจอีกทีคุณหมอบอกว่า แม่เป็นไตวาย ขั้น 4 อะค่ะ คือหนูเครียดแล้วร้องไห้มาหลายวันแล้ว คืออยากจะถามว่า ไตวายระยะที่ 4 สามรถดึงกลับไปเป็นระยะที่ 2 ได้ไหมคะ ถ้าควบคุมอาหาร หนูไม่อยากให้แม่ต้องฟอกไตอะค่ะ แม่มีอาการปวดหลัง(ไตค่ะ) TT
อายุ: 48 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.34 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Apis*****a

9 ตุลาคม 2561 06:23:28 #2

อีกเนื่องนึงนะคะ แม่ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกนานไหมคะTT
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

16 ตุลาคม 2561 16:14:32 #3

โรคไตวายเรื้อรังเกิดขึ้นจากสาเหตุใด

โรคไตวายคือภาวะที่ไตทำงานผิดปกติ ปกติไตจะทำหน้าที่ขับถ่ายของเสียออกทางปัสสาวะ ดังนั้นภาวะไตวายก็คือภาวะที่ไตจะไม่สามารถขับของเสียรวมทั้งเกลือแร่ต่าง ๆ ออกมาทางปัสสาวะได้ ของเสียเหล่านั้นก็จะคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือด ภาวะไตวายโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือไตวายเฉียบพลันและไตวายเรือรัง ไตวายเฉียบพลันเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงที่ไตน้อยลง เช่น คนไข้มีอาการความดันโลหิตต่ำอยู่ในภาระช็อกนาน ๆ หรือคนเสียเลือดมาก ๆ แต่ภาวะไตวายเฉียบพลันสามารถรักษาให้ไตกลับมาทำงานปกติได้ส่วนภาวะไตวายเรือรั้งนั้นเป็นโรคที่มีการทําลายของเนื้อไตอย่างช้า ๆ อย่างต่อเนื่องจนไตไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ

สาเหตุที่พบบ่อยในบ้านเราก็คือโรคเบาหวานกับโรคความดันโลหิตสูง โรคดังกล่าวถ้าได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตควบคุมได้ไม่ปกติ ทั้งสองโรคนี้ในระยะยาวจะส่งผลทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังได้ ส่วนภาวะที่พบรองลงมาได้โรคไตอักเสบเรื้อรังโรคนิ่วในไต หรือการใช้ยาซึ่งมีพิษต่อไตบางอย่าง โดยเฉพาะยาแก้ปวดเรามักจะซื้อยากินเองเป็นระยะเวลานาน ส่วนอาการของโรคไตวายเรื้อรังในระยะแรกนั้น ของเสียในเลือดอาจจะไม่อยู่ในระดับที่สูงเพราะฉะนั้นโดยทั่วไปอาจจะไม่มีอาการใด ๆ เลยก็ได้อาจจะตรวจพบจากการตรวจสุขภาพประจำปีหรือเจาะเลือดพบว่าของเสียในเลือดขึ้นสูงบางรายอาจจะมีอาการผิดปกติเช่นบวมบริเวณใบหน้าบริเวณหน้าตาหรือบริเวณขาปัสสาวะผิดปกติเช่นลุกมาปัสสาวะบ่อย ๆ ตอนกลางคืนเมื่ออาการไตวายเรื้อรังเป็นมากขึ้นจะทำให้มีอาการที่เด่นชัดเจนขึ้น

ถ้าผู้ป่วยทราบว่าเป็นโรคไตวายเรื้อรัง แล้วการตรวจพบในระยะแรกและให้การรักษาอย่างถูกต้องนั้น จะทำให้สามารถชะลอการเสื่อมของไตได้ ข้อควรปฏิบัติคือผู้ป่วยต้องมาพบแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ที่พบบ่อย ๆ คือคนไข้บประทานเองหรือไปรักษาด้วยยาจีนยาสมุนไพร ซึ่งปัจจัยอย่างนี้ยาบางชนิดพบว่าส่วนผสมบางอย่างทำให้ไตนั้นเสื่อมสมรรถภาพอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นการพบแพทย์ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลโรคไตวายเรื้อรัง

 

ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังมีวิธีการรักษาอย่างไร

การรักษาโรคไตวายเรื้อรังแบ่งการรักษาออกเป็น 3 ระยะคือ ในระยะเบื้องต้น หมายถึง เป็นในระยะแรกนั้นการรักษา ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาด้วยยา จุดประสงค์ด้วยการรักษาด้วยยา ไม่ใช่การรักษาให้เนื้อไต ที่เสียไปแล้วกลับสภาพทำงานได้ ยาที่อายุรแพทย์โรคไตให้กับผู้ป่วยนั้น เพื่อรักษาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะทำให้ไตนั้นเสื่อมสภาพลง เช่น ควบคุมความดันโลหิต ตรงนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ถ้าคนไข้มีความดันโลหิตสูง การควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติ จะสามารถชะลอไม่ให้ไตเสื่อมลงอย่างรวดเร็วการให้ยาอื่น ๆ นั้นต้องดูความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละรายเพราะฉะนั้นควรจะติดตามการรักษากับแพทย์และไม่ซื้อยารับประทานเอง หรือเอายาของคนอื่นมารับประทาน อาหารที่ควรจะหลีกเลี่ยงก็คือ อาหารเค็มอาหารโปรตีนมาก ๆ ก็จะทำให้ของเสียในเลือดเพิ่มขึ้นเร็ว ปัจจุบันเรามีการรักษาหลายชนิดที่มักจะนิยมเรียกกันว่า การล้างไต จริง ๆ การล้างไตนั้นเป็น

 

วิธีที่ปัจจุบันมีการรักษากันมากแบ่งหลัก ๆ ได้ 2 ชนิดคือ

-ล้างไตโดยการขจัดของเสียในเลือดออก โดยใช้น้ำยาใส่ลงไปในช่องท้อง หลักการก็คือจะใส่น้ำยาล้างไตลงไปในช่องท้องของผู้ป่วย และของเสียที่อยู่ในกระแสเลือด ก็จะซึมผ่านผนังหลอดเลือดฝอยบริเวณเยื่อบุช่องท้อง ออกมาในน้ำยา แล้วจะเปลี่ยนน้ำยาที่มีของเสียนั้นออก และใส่ถุงใหม่กลับเข้าไปวันหนึ่งก็จะทำ 3-4 ครั้ง ของเสียก็จะสามารถขจัดออกไปได้ การรักษาวิธีนี้ดีอย่างหนึ่งก็คือคนไข้อาจไม่ต้องอยู่ในโรงพยาบาล ในช่วงแรกที่ทำใหม่ ๆ อาจจะต้องได้รับการดูแลโดยพยาบาลหรือแพทย์ว่าจะสามารถปฏิบัติเองได้ หรือผู้ป่วยบางรายไม่สามารถช่วยตัวเองได้ก็จะเป็นญาติที่คอยเปลี่ยนน้ำยาให้ แต่ขอเน้นว่าวิธีนี้จะต้องใช้ความสะอาดมาก เพราะถ้ามีเชื้อโรคหรือล้างมือไม่สะอาดก็จะมีการติดเชื้อในช่องท้องได้อาจจะมีอันตรายถึงชีวิต

-การฟอกเลือดโดยใช้เครื่องไตเทียม การฟอกเลือดโดยใช้เครื่องไตเทียม ต้องมาฟอกที่โรงพยาบาล หลักการก็จะคล้าย ๆ กันก็คือ จะนำของเสียซึ่งออกจากเลือด โดยผ่านตัวกรองของเครื่องไตเทียม ตัวกรองจะมีหน้าที่กรองเอาของเสียในเลือดออก การฟอกเลือดจะต้องมาฟอกสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งหนึ่งประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป จะต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของอายุรแพทย์โรคไตที่จะแนะนำผู้ป่วยว่าคนไข้รายนั้น เหมาะกับการรักษาวิธีใด

ผู้ป่วยที่มีไตวายเรื้อรังสามารถเปลี่ยนไตได้หรือไม่

ปัจจุบันการรักษาโดยการเปลี่ยนไตทางการแพทย์เรียกว่าการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ก็เป็นการรักษาโดยการนำไตของผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้ว ลักษณะของไตที่บริจาคโดยผู้ป่วยเสียชีวิตจากสมองตาย หรือจะเป็นไตจากผู้มีชีวิตอยู่ เช่น ญาติ พี่น้อง พ่อแม่ นำไต 1 ข้าง ของผู้บริจาคมาใส่ในผู้ป่วย ที่เป็นไตวายเรื้อรัง เพื่อที่จะให้ทำหน้าทีขับถ่ายของเสีย อย่างไรก็แล้วแต่การผ่าตัดปลูกถ่ายไตก็มีข้อจำกัด เพราะฉะนั้นในผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง ปัจจุบันมีการผ่าตัดปลูกถ่ายไตได้ง่ายขึ้นผู้ที่ต้องการรักษาด้วยวิธีนี้ จะต้องมาขอค้าปรึกษากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญทางโรคไตก่อนว่า เหมาะสมหรือไม่ที่จะผ่าตัด

 

โรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่

รคไตวายเรื้อรังจะทำให้เนื้อไตนั้นเสื่อมไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้เป็นทั้งหมด จะยังมีบางส่วนที่ทำหน้าที่อยู่ได้ การรักษาโรคไตวายเรื้อรัง เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด ไตที่เสื่อมสภาพไปอย่างเรื้อรังและถาวรแล้ว ก็จะไม่สามารถกลับมาทำงานได้อีก การรักษาดังกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการล้างไตการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ล้วนแต่เป็นการรักษาที่นำเอาของเสียในเลือดออก เพื่อให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น

การดูแลตนเองของผู้ป่วยควรทำอย่างไร

การดูแลตนเองของผู้ป่วย ที่อาจจะเน้นในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นไตวายในระยะต้น การดูแลตนเองที่ที่จะช่วยให้โรคไตของท่านเสื่อมสมรรถภาพอย่างช้า การพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เป็นหัวใจสำคัญ ส่วนเรื่องของอาหารเค็มจะขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคน เช่น คนไข้บางคนอาจจะรับประทานเค็มได้ คนไข้ที่มีความดันโลหิตสูงมีอาการบวมก็จะต้องงดอาหารเค็ม ถ้าท่านพบว่าเป็นโรคบางชนิดที่มีโอกาสไตวายเรือรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง ควรควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ก็จะช่วยชะลอการเสื่อมของไตลงได้ การรับประทานอาหารโปรตีนที่น้อยลง การไม่ซีอยารับประทานเอง จะช่วยให้ไตของท่านเพื่อมสภาพได้ช้าที่สุด