กระดานสุขภาพ

ไม่เคยเป็นมาก่อนค่ะ พึ่งมาเป็นช่วงนี้
Ploy*****n

14 เมษายน 2556 14:19:22 #1

คือช่วงเดือนมีนา 56 จนถึงปัจจุบันนี้ หนูมีอาการคัน ตามร่างกายค่ะ คันคล้ายๆลมพิษน่ะค่ะ คันเกาแล้วแดง ๆ บางทีไปโดนอะไรก็จะมีตุ่มเหมือนยุงกัด มดกันขึ้นเต็มเลยค่ะ คันมาก กินยาแก้แพ้สักพักก็หาย แล้วก็เป็นอีก ช่วงนี้หนูคันทุกวันเลยค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงดี ทาคาลามายทุกวันเลยค่ะ ทรมานมาก คือแบบมันจะดูบุคลิกภาพตัวเองไม่ดีน่ะค่ะ ช่วยหน่อยนะคะ

 

หนูกินยาเพิ่มน้ำหนักด้วยค่ะ แล้วยามันหมดหนูก็หยุดกินตอนช่วงเดือนมีนาคมเมื่อกี้นี้ล่ะค่ะ จะเกี่ยวกันมั้ยคะ ?

อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 38 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 15.22 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ผศ.นพ. จรูญ เจตศรีสุภาพ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ตจวิทยา

15 เมษายน 2556 15:11:56 #2

คุณ ploy.sasivimon เป็นผื่นมากว่า 1 เดือนแล้ว ผื่นเหมือนตุ่มยุงกัด แสดงว่า ตุ่มส่วนใหญ่เม็ดเล็ก ขนาดไม่เกิน 1 ซม. และเมื่อกินยาแก้แพ้สักพักก็หาย เป็นเพราะตุ่มนี้สนองตอบต่อสารต้านฮิสทามีน ซึ่งฮิสทามีนเป็นสารสำคัญที่หลั่งจากเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันของเนื้อเยื่อยึดต่อชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดปฏิกิริยาผื่นแพ้ มีการขยายหลอดเลือดของหลอดเลือดฝอยที่ชั้นผิวหนัง และมีการซึมผ่านผนังหลอดเลือดฝอยของน้ำเลือดหรือพลาสมา (plasma) ผื่นลมพิษมีอาการคันมากๆ จนมีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และทำให้เสียบุคลิกอย่างคุณ ploy.sasivimon เล่า

ลมพิษ เป็นผื่นคัน ลักษณะผื่นสีแดง เป็นวงนูน อาจนูนขนาดเท่าตุ่มยุงกัด บางผื่นอาจนูนเป็นปื้นใหญ่มากกว่า 10 ซม. ผื่นลมพิษจะอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ก็เปลี่ยนรูป เปลี่ยนตำแหน่งไป คือ ที่นูนก็ค่อยยุบลง จนหายไป หรือขยายวงกว้างมาก แล้วไปปรากฏที่ตำแหน่งอื่น เป็นแบบนี้เรื่อยๆ

ลมพิษตุ่มขนาดเท่ายุงกัด อาจเป็น Papular urticaria เกิดจากยุงหรือแมลงกัด เป็นปฏิกิริยาแพ้สารโปรทีน แพ้เอนไซม์ หรือแพ้สารพิษที่ยุงหรือแมลงปล่อยเข้าไปเมื่อกัด ตุ่มแพ้ยุงมักเป็นอวัยวะนอกเสื้อผ้า คือแขนด้านนอก ขาด้านนอก ใบหน้า ศีรษะ หู หรืออาจเป็น Cholinergic urticaria ซึ่งเกิดเมื่อออกกำลังกาย เมื่อออกจากที่ร่ม ไปทำงานกลางแดด ทำสวน เล่นกีฬา หรือเวลาเหงื่อออก เวลาอาบน้ำร้อน บางครั้งเป็นเมื่อกินอาหารเผ็ด อาหารร้อน เมื่อดื่มน้ำร้อน หรือเวลามีไข้ บางรายเกิดจากความเครียด ลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดเล็ก เป็นตุ่มลมพิษที่เกิดเวลาอุณหภูมิผิวหนังสูงขึ้น

ยาก็อาจเป็นสาเหตุของลมพิษเช่นกัน คุณ ploy.sasivimon ทานยาเพิ่มน้ำหนัก ซึ่งไม่ทราบส่วนประกอบชัดเจน (จึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก) หากเป็นยากระตุ้นความอยากอาหารที่มีขายตามท้องตลาดมักเป็นสารต้านฮิสทามีน คือ cyproheptadine ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างและการหลั่งสารก่อให้เกิดลมพิษด้วย เมื่อคุณ ploy.sasivimon หยุดกินยา จึงอาจทำให้ลมพิษแสดงอาการต่อเนื่อง

สาเหตุจากการแพ้ยาอย่างอื่น เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาลดการอักเสบ ยาลดความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ
นอกจากนั้นยังมีสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย จากอาหาร การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น เป็นมากขึ้นเวลาใกล้มีประจำเดือน เป็นขณะตั้งครรภ์ มีประวัติกินยาคุมกำเนิด หรือกินยาฮอร์โมน ตลอดจนสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อมมากมาย

คุณ ploy.sasivimon ควรหยุดกินยาเพิ่มน้ำหนักตลอดไป คนเราปกติ สุขภาพแข็งแรง สุขภาพจิตดี หากได้กินอาหารดี น้ำหนักก็จะดีทุกคน จึงแนะนำให้เลือกทานสารอาหาร 5 หมู่นั่นแหละครับ เลิกทานขนมจุบจิบทั้งหมด สำหรับอาหารว่างเลือกเป็นผลไม้ดีกว่า ได้ช่วยสนับสนุนชาวสวนด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเราอยากอาหาร คือ น้ำตาลในเลือดต้องต่ำ หากคุณ ploy.sasivimon ทานของหวานประจำ เช่น ขนมเค้ก ช็อกโกแลต ท้อฟฟี่ ไอศกรีม หมากฝรั่ง ดื่มน้ำอัดลมบ่อยๆ จะไม่มีความอยากอาหาร และ 2 ชั่วโมงก่อนอาหาร ลองไม่กินอะไรเลย ยกเว้นให้ดื่มน้ำเปล่า คงทำให้มีความอยากอาหารมากขึ้นครับ

เรื่องลมพิษ หากแพ้ยุง แพ้แมลง ต้องป้องกันยุงกัด แมลงกัด โดยติดมุ้งลวดรอบบ้านทั้งหมด ตั้งแต่ประตูบ้าน หน้าต่างครัว ช่องระบายอากาศในห้องน้ำด้วย สร้างกฎในบ้านห้ามเปิดประตู หน้าต่าง ช่องระบายอากาศทิ้งไว้ หากแพ้มด ก็ต้องเก็บเศษขนม เช็ดคราบนม ล้างถ้วยชาม ถูบ้าน ทำความสะอาดในครัวทุกครั้งเมื่อมีเศษอาหาร เศษขนมตก และหลังอาหาร จะช่วยลดจำนวนยุง มด แมลงในบ้านไปมากทีเดียว

ส่วนการรักษาคงต้องให้ทราบสาเหตุชัดเจนก่อน แพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด หากจำเป็นอาจแนะนำให้ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจภูมิแพ้ทางผิวหนังวิธีสะกิด (skin prick test) บางรายอาจจำเป็นต้องตรวจภูมิคุ้มกันจากเลือดเพื่อหาสารก่อภูมิแพ้ที่สงสัย Radioallergosorbent test (RAST)

การรักษา คือการให้กินยาแก้แพ้ และรักษาตามสาเหตุครับ