กระดานสุขภาพ

มีตุ่มที่อวัยวะเพศ
Athi*****.

11 มกราคม 2561 06:57:21 #1

เป็นตุ่มที่อวัยวะเพศ (ใช่ฝีหรือเปล่าคะ) เป็นตุ่ม ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เคยกินยาปฏิชีวนะไปแล้วก็หาย แล้วก็กลับมาเป็นอีก เป็นมาหลายครั้งแล้ว ทำยังไงให้หายขาดคะ
อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 152ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.07 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์)

11 มกราคม 2561 11:44:55 #2

เรียนคุณ Athitaya44.

ก่อนอื่น ทางเว็บฯขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ไว้ใจเว็บ haamor.com

-เพื่อให้แพทย์ผู้ตอบคำถาม สามารถให้คำแนะนำในเบื้องต้นที่เหมาะสมกับคุณได้ ขอความกรุณาคุณช่วย "ถ่ายรูปเฉพาะตำแหน่งอาการ/รอยโรค/ผื่น ของคุณ แล้วส่งมาด้วยกับคำถาม

-รูปที่ส่งมา ต้องไม่สามารถระบุตัวคุณได้(เป็นจรรยาบรรณ์แพทย์) คือ ขอคุณช่วยปกปิดใบหน้า แต่ถ้ารอยโรคอยู่บนใบหน้า ให้ปกปิดตาทั้ง๒ ข้าง ถ้า รอยโรคที่ตา ให้ปกปิดตาข้างที่ปกติ (คือถ่ายรูปเฉพาะตาข้างที่มีอาการ)

พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์
บรรณาธิการฝ่ายแพทย์

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

14 มกราคม 2561 09:31:39 #3

หมออาจตอบได้คร่าวๆจากการคาดเดานะครับ หากมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนและมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ อาจจะเป็นได้หลากหลายครับ ได้ตั้งแต่การอักเสบของต่อมขนหรือต่อมไขมันที่คล้ายกับหัวสิว อาจหากเองได้ถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำไปครับ หรืออาจเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เช่น เริม แผลริมอ่อนหรือริมแข็งก็ได้ครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้มาพบแพทย์นะครับ เพราะ โรคในลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้การตรวจรอยโรคครับ แต่จากประวัตินั้น หมออาจต้องขอคาดเดานะครับ หากมีอาการก้อนๆนิ้ม กดเจ็บเล็กน้อย เป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น บริเวณ 5 หรือ 7 นาฬิกา และ ไม่ได้มีอาการผิดปกติอื่นอะไร เช่น เลือดออกผิดปกติ หรือ ตกขาวผิดปกติ ก็อาจจะเป็น บาร์โธลินซีสต์ (bartholin cyst) เท่านั้นครับ แต่หากมีอาการ กดเจ็บ แดง ร้อน อาจเป็นการอักเสบหรือเป็นหนอง (bartholin abscess) ครับ ซึ่งหากมีอาการบวมมาก จนมีไข้ ปัสสาวะไม่ออก จำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันทีครับ เพื่ออาจต้องได้รับยาปฏิชีวนะในโรงพยาบาลและอาจต้องระบายหนองออกด้วยครับ ซึ่งปกติแล้ว ต่อมบาร์โธลินนั้นเป็นต่อมอย่างหนึ่งมีหน้าที่สร้างสารคัดหลั่งครับและอยู่ในต่ำแหน่งที่ต้องใกล้ช่องคลอดและท่อปัสสาวะคือจะทำให้ติดเชื้อซ้ำได้ง่าย ดังนั้น ช่วงนี้ควรต้องรักษาความสะอาด งดเพศสัมพันธ์ก่อนครับ ทั้งหมดนี้ เกิดจากหมดคาดเดาจากอาการข้างต้นเท่านั้นนะครับ หมอแนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องนะครับ