กระดานสุขภาพ

ปวดท้องด้านซ้ายล่าง
Anonymous

31 ธันวาคม 2560 01:12:45 #1

อาการ : ปวดท้องด้านซ้ายล่าง (ต่ำกว่าสะดือ) ปวดแบบเมื่อเกร็งหรือทำอะไรที่เกี่ยวกับด้านซ้าย เช่น การยกขาซ้าย , นั่งแบบยืดตัว , กดที่จุดซ้ายล่าง ก็จะปวดค่ะ ก่อนเกิดอาการ : ทานสุกี้หมูที่ทำเองค่ะ วัตถุดิบคิดว่าน่าจะสะอาดเพราะซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก้ตในห้าง วัตถุดิบที่ใส่ลงไปมี วุ้นเส้น , หมูเบคอนเป็นแพค , หมูชิ้นดิบ , ไข่ , ผักบุ้ง (แช่น้ำก่อนต้ม) , น้ำจิ้มซีฟู้ด , ชานม ช่วงหลังรับประทานสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงก็ยังไม่มีอาการปวดค่ะ ก็ปิดหม้อทิ้งไว้แล้วมาต้มกินต่อ ช่วงเย็นดิฉันได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนแบบป้องกัน แต่ยังไม่มีอาการปวดทั้งหลังและก่อนทำ จนเมื่อตกดึกมีอาการดังกล่าวข้างต้นค่ะ ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ แล้วอาการก็เป็นไปเรื่อยๆจนเริ่มได้ผายลมก็บรรเทาอาการปวดลงแล้วก็นอนจนหาย แต่เป็นอาการใจเต้นแรง เหงื่อออกตามมือ มือเท้าเย็น สั่นเล็กน้อย รู้สึกหนาวเล็กน้อย ทำให้นอนหลับๆตื่นๆค่ะ ตอนออกมาดื่มน้ำกลางดึกก็ยังเป็นอยู่ จนเกือบเช้าก็หายปวดและหายหนาวสั่น ใจเต้นปกติ ไม่มีเหงื่อออกค่ะ เคยปวดท้องด้านซ้ายนะคะแต่เป็นที่ข้างสะดือแบบกดแล้วเจ็บ ช่วงก่อนหน้านั้นดื่มน้ำอัดลมไปด้วยค่ะ จนได้ผายลมก็บรรเทาอาการปวดลงเช่นกันค่ะ กลัวจะเป็นลำไส้แปรปรวน เพราะเวลาทานอาหารแต่ละวันไม่ค่อยตรงกัน เช่น บางวันไม่ใช่ช่วงเวลาที่เคยรับประทานแต่ก็ทาน บางวันก็ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า มีเครียดบ้าง //อาจจะพิมพ์ยาว พิมพ์ตกหล่น ไปหน่อยนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ // รบกวนคุณหมอช่วยวินิจฉัยด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 36 กก. ส่วนสูง: 153ซม. ดัชนีมวลกาย : 15.38 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

2 มกราคม 2561 11:09:54 #2

แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุอาการปวดท้องได้จาก ประวัติลักษณะอาการปวด ตำแหน่งที่เกิดอาการ อาการร่วมอื่นๆ ร่วมกับ การตรวจร่างกายและอาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับอาการของผู้ป่วย และดุลพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจเลือดซีบีซี (CBC) เพื่อดูการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย การตรวจภาพช่องท้องด้วยเอกซเรย์ธรรมดา หรือ อัลตราซาวด์ หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การส่องกล้องตรวจอวัยวะในช่องท้องและอาจมีการตัดชิ้นเนื้อจากเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

วินิจฉัยจากลักษณะอาการปวดท้อง เช่น

เมื่อปวดแบบปวดบิด เป็นพักๆ มักเกิดจากโรคของอวัยวะที่มีลักษณะเป็นท่อ เช่น ลำไส้ หรือ ท่อไต
เมื่อปวดเป็นพักๆ ปวดแน่น อาการหายไปเมื่อผายลม หรือ เรอ หรืออาการปวดเคลื่อนที่ได้ มักเกิดจากการมีก๊าซในกระเพาะอาหาร และ/หรือ ลำไส้
เมื่อปวดแสบ ใต้ลิ้นปี่ และอาการปวดดีขึ้นเมื่อกินอาหาร หรือ อาการปวดสัมพันธ์กับการกินอาหาร มักเกิดจากโรคของกระเพาะอาหาร หรือ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือ โรคแผลในกระเพาะอาหาร
อาการปวดร้าว เช่น ปวดร้าวขึ้นอก หรือ ขึ้นในบริเวณกระดูกกราม แพทย์มักนึกถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ
เมื่อปวดเฉพาะจุด หรือ กดเจ็บเฉพาะจุด มักเกิดจากการอักเสบของอวัยวะในตำแหน่งนั้น เช่น โรคตับอักเสบ หรือ โรคไส้ติ่งอักเสบ
เมื่อปวดท้องเหนือกระดูกหัวหน่าว ปวดเบ่งปัสสาวะ หรือปวดแสบเมื่อสุดปัสสาวะ มักเกิดจากโรคของกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
เมื่อปวดเบ่งอุจจาระ มักเกิดจากโรคของลำไส้ใหญ่ เช่น ลำไส้ใหญ่อักเสบ หรือ ท้องเสีย

ตำแหน่งที่ปวดท้อง คือ

โดยทั่วไปมักแบ่งตำแหน่งของช่องท้องได้เป็น 7 ส่วน คือ เมื่อใช้สะดือเป็นจุดศูนย์กลาง จะแบ่งช่องท้องเป็น ช่องท้องส่วนบน(ส่วนอยู่เหนือสะดือ) และช่องท้องส่วนล่าง (ส่วนอยู่ต่ำกว่าสะดือ) ซึ่งเมื่อร่วมกับการแบ่งช่องท้องตามยาว จากเส้นสมมุติกลางลำตัว ที่จะแบ่งช่องท้องเป็นซีกซ้าย และซีกขวา ดังนั้นเมื่อร่วมการแบ่งด้วยสะดือ และเส้นแบ่งกลางลำตัวเข้าด้วยกัน ช่องท้องจะแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนด้านซ้ายตอนบน ส่วนด้านซ้ายตอนล่าง ส่วนด้านขวาตอนบน และส่วนด้านขวาตอนล่าง และเพิ่มอีก 3 ส่วน คือ ส่วน หรือ บริเวณ ใต้ลิ้นปี่ หรือ ยอดอก(Epigastrium) บริเวณรอบสะดือ และบริเวณเหนือกระดูกหัวหน่าว(กระดูกตรงกลางด้านหน้า และอยู่ล่างสุดชองช่องท้อง) ซึ่งเมื่อมีอาการปวดท้องในตำแหน่งเหล่านี้ มักเป็นตัวชี้นำว่า น่ามีโรคของอวัยวะต่างๆที่อยู่ในตำแหน่งเหล่านี้

  • เมื่อปวดท้องด้านซ้ายตอนบน (อวัยวะที่อยู่ในช่องท้องส่วนนี้ คือ กระเพาะอาหาร ม้าม ลำไส้ ตับอ่อน และไตซ้าย) โรคที่เป็นสาเหตุ อาจเป็น กระเพาะอาหาร ม้าม ลำไส้ที่อยู่ในส่วนด้านซ้ายตอนบน ตับอ่อน(ซึ่งอาการปวดมักร้าวไปด้านหลัง เพราะตับอ่อนอยู่ติดทางด้านหลัง) และไตซ้าย เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ การบาดเจ็บของม้ามจากถูกกระแทก ตับอ่อนอักเสบ ลำไส้อักเสบ ไตอักเสบ หรือ นิ่วในไต
  • เมื่อปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง (อวัยวะที่อยู่ในช่องท้องส่วนนี้ คือ ลำไส้ และในผู้หญิง จะมีปีกมดลูกซ้าย และรังไข่ซ้าย) โรคที่เป็นสาเหตุ อาจเกิดจากโรคของลำไส้ในส่วนด้านซ้ายตอนล่าง ปีกมดลูก และรังไข่ซ้าย เช่น ลำไส้อักเสบ ปีกมดลูก หรือ รังไข่ด้านซ้ายอักเสบ
  • เมื่อปวดท้องด้านขวาตอนบน โรคอาจเกิดจาก ตับ ท่อน้ำดี ถุงน้ำดีลำไส้ส่วนที่อยู่ในช่องท้องด้านขวาตอนบน และไตขวา
  • เมื่อปวดท้องด้านขวาตอนล่าง โรคอาจเกิดจาก ไส้ติ่ง ลำไส้ส่วนด้านขวาตอนล่าง ปีกมดลูก หรือ รังไข่ขวา
  • เมื่อปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ มักเกิดจากโรคกระเพาะอาหาร
  • เมื่อปวดรอบๆสะดือ มักเกิดจากโรคของไส้ติ่ง
  • เมื่อปวดบริเวณเหนือหัวหน่าว มักเกิดจากโรคของกระเพาะปัสสาวะหรือ ของมดลูก

อาการร่วมอื่นๆ อาการปวดท้องอาจเกิดร่วมกับอาการอื่นๆได้ ที่พบบ่อย คือ

  • คลื่นไส้ อาเจียน มักเกิดจากโรคของ ลำไส้ หรือ ตับ หรือ ลำไส้อุดตัน
  • อาการไข้ มักเกิดจากมีการอักเสบ เช่น โรคไส้ติ่งอักเสบ
  • อาเจียนเป็นเลือด มักเกิดจากโรคของกระเพาะอาหาร เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร
  • ไม่ผายลม มักเกิดจากลำไส้อุดตัน เช่น จากท้องผูกมาก หรือ มีก้อนเนื้ออุดตันในลำไส้
  • อุจจาระเป็นเลือด มักเกิดจากโรคของลำไส้ใหญ่ด้านซ้ายล่าง เช่น มีแผลอักเสบ
  • อุจจาระดำเหมือนยางมะตอย มักเกิดจากโรคแผลในกระเพาะอาหาร
  • การคลำได้ก้อนเนื้อ มักเกิดจากโรคมะเร็ง หรือโรคเนื้องอกรังไข่
  • ร่วมกับมีอาการทางปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดเบ่งปัสสาวะมักเกิดจากโรคของกระเพาะปัสสาวะ หรือ ไตหรือ ต่อมลูกหมาก เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ไตอักเสบ หรือ นิ่วในไต
  • เมื่อปวดร้าวไปด้านหลัง อาจเป็นโรคของ ตับอ่อน หรือ ไต หรือ ท่อไตเช่น ตับอ่อนอักเสบ นิ่วในไต หรือ นิ่วในท่อไตตัว ตาเหลือง อาจเป็นโรคของ ตับ ท่อน้ำดี ถุงน้ำดี เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ โรคถุงน้ำดีอักเสบ
  • มีเลือดออกทางช่องคลอด หรือ ตกขาว มักเกิดจากโรคของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เช่น โรคของ ช่องคลอด ปากมดลูก ปีกมดลูก และมดลูก เช่น ช่องคลอดอักเสบ ปากมดลูกอักเสบ หรือ มะเร็งปากมดลูก