โรคหัวใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด (Heart disease หรือ Cardiovascular disease)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ:คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

โรคหัวใจและหลอดเลือด(Cardiovascular disease ย่อว่า ซีวีดี/CVD)คือ โรคทุกชนิด,และทุกภาวะ/อาการผิดปกติต่างๆที่เกิดกับเนื้อเยื่อ/อวัยวะในระบบหัวใจและหลอดเลือด

โรคหัวใจ (Heart Disease) เป็น คำที่ทุกคนพูดถึงเมื่อเกิดโรคขึ้นกับหัวใจ แต่เนื่องจากโรคหัวใจมักมีความสัมพันธ์กับโรคของหลอดเลือดเสมอ ดังนั้น ทั่วไปทางการแพทย์จึงเรียกโรคในภาพรวมกลุ่มนี้ว่า “โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular disease)”

หัวใจ เป็นอวัยวะสำคัญ มีหน้าที่หลักในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย (หัวใจ: กายวิภาคและสรีรวิทยา) ดังนั้นเมื่อเกิดโรคกับหัวใจจึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว/ภาวะหัวใจวาย ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงการขาดเลือดของเนื้อเยื่อ/อวัยวะทั่วร่างกายอันเป็นสาเหตุถึงตายได้

โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นโรคพบบ่อยมากของประชากรทั้งโลก และเป็นสาเหตุ การตายติด 1 ใน 4 ลำดับสาเหตุสูงสุดของคนทุกเชื้อชาติและทุกประเทศ, องค์การอนามัยโรครายงานอัตราตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดทั่วโลกในปีค.ศ.2019 ประมาณ17.9ล้านคนคิดเป็นประมาณ32%ของทุกสาเหตุ

ส่วนในประเทศไทยมีรายงานในปีพ.ศ. 2564 จากกรมควบคุมโรค พบโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการตายอันดับ1ของคนไทย

โรคหัวใจและหลอดเลือดพบได้ทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิด(นิยามคำว่าเด็ก)ไปจนถึงผู้สูงอายุขึ้นกับสาเหตุ เช่น ในเด็กแรกเกิดสาเหตุจะเป็นจากความผิดปกติแต่กำเนิด, ส่วนในผู้สูงอายุ โรคหัวใจฯที่พบบ่อยที่สุด คือ โรคหัวใจ:โรคหลอดเลือดหัวใจ ทั้งนี้ พบโรคหัวใจฯในเพศชายสูงกว่าในเพศหญิง

โรคหัวใจและหลอดเลือดมีหลากหลายโรค เช่น โรคหลอดเลือดแดงแข็ง, โรคหัวใจ: หลอดเลือดหัวใจ, โรค/ภาวะหัวใจล้มเหลว/หัวใจวาย, ซึ่งทั้ง 3 โรคที่กล่าวเป็นตัวอย่างโรคหัวใจฯที่พบบ่อยที่สุด นอกจากนั้น เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย, โรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม, โรค/ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคหัวใจติดเชื้อ เช่น โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ, โรคลิ้นหัวใจ, และที่พบได้บ้าง คือโรคความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดแต่กำเนิด ส่วนโรคเนื้องอกหัวใจ และโรคมะเร็งหัวใจ พบน้อยมาก มักเป็นเพียงรายงานประปรายเท่านั้น

โรคหัวใจและหลอดเลือดมีสาเหตุจากอะไร?

โรคหัวใจและหลอดเลือด-01

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมีหลากหลายสาเหตุ เช่น

  • โรคหลอดเลือดแดงแข็ง
  • โรคปอด เพราะปอดกับหัวใจมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันเสมอ
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • การติดเชื้อ ซึ่งมีได้ทั้ง เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อปรสิต
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิดที่ส่งผลถึงเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เช่น ยาเคมีบำบัดบางชนิด, ยารักษาตรงเป้า/ยารักษาพุ่งเป้าบางชนิด
  • ผลข้างเคียงจากสารบางชนิดที่ส่งผลต่อหลอดเลือดและเป็นสาเหตุให้หัวใจขาดเลือดได้ เช่น ยาเสพติดบางชนิด
  • การฉายรังสีรักษาบริเวณหัวใจ อาจเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อหัวใจบาดเจ็บ เสียหายได้
  • โรคหลอดเลือดอักเสบ
  • โรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง
  • โรคความผิดปกติแต่กำเนิดของ หัวใจ หลอดเลือด และ/หรือ ลิ้นหัวใจ

โรคหัวใจและหลอดเลือดมีปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?

ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันควบคุมได้, และปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันควบคุมไม่ได้

ก. ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันควบคุมได้: เช่น

  • สูบบุหรี่ เพราะเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
  • โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
  • โรคไขมันในเลือดสูง
  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง (เป็นทั้งสาเหตุ และปัจจัยเสี่ยง)
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • ความเครียด
  • ขาดสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ และมีปัญหาทางสุขภาพจิต

ข. ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันควบคุมไม่ได้: เช่น

  • อายุ: ยิ่งสูงอายุ โอกาสเกิดยิ่งสูงขึ้น จากมีการเสื่อมตามธรรมชาติของเซลล์ทุกชนิดของร่างกายรวมทั้งของหัวใจ
  • เพศชาย: มีโอกาสเกิดสูงกว่าเพศหญิง โดยในเพศชายอัตราเสี่ยงสูงขึ้นในช่วงอายุ 40-45 ปี, ส่วนในเพศหญิงอัตราเสี่ยงสูงขึ้นในวัยหมดประจำเดือน
  • พันธุกรรม:พบโรคหัวใจได้สูงขึ้นในคนที่มีคนในครอบครัวโดยเฉพาะญาติสายตรง (พ่อ แม่ พี่ น้อง พ่อแม่เดียวกัน) เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคหัวใจและหลอดเลือดมีอาการอย่างไร?

อาการของโรคหัวใจและหลอดเลือดแตกต่างกันบ้างตามชนิดของโรคหัวใจฯ แต่โดยทั่วไปมีอาการที่คล้ายกันที่มักเกิดกับโรคหัวใจฯทุกชนิด เช่น

  • เหนื่อยง่าย โดยเฉพาะเมื่อออกแรง
  • เจ็บหน้าอก เมื่อเป็นมากจะมีอาการหายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
  • วิงเวียน เป็นลม ง่าย
  • ดูซีด
  • มีความผิดปกติของความดันโลหิต ส่วนใหญ่ มีความดันโลหิตสูง แต่พบมีความดันโลหิตต่ำได้
  • มีการผิดปกติในจังหวะการเต้นของหัวใจ ชีพจรผิดปกติ และอาจมีเสียงหัวใจเต้นผิดปกติ อาจหัวใจเต้นเร็ว หรือ หัวใจเต้นช้า
  • ในระยะท้ายของโรค มักมีอาการบวมน้ำ โดยมักเริ่มที่เท้าก่อน
  • อาจมีอาการเขียวคล้ำของ เล็บ นิ้ว มือ เท้า ริมฝีปาก

แพทย์วินิจฉัยโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคหัวใจและหลอดเลือดได้จาก

  • อายุ เพศ น้ำหนัก ชีพจร ความดันโลหิต ประวัติอาการต่างๆ ประวัติการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ประวัติการใช้ยาต่างๆ
  • การตรวจร่างกาย และ การตรวจฟังการเต้นของหัวใจ
  • ตรวจเลือดดูค่า ไขมัน น้ำตาล และสารต่างๆที่เกี่ยวกับโรคทางหัวใจฯ เช่น เอนไซม์ในกลุ่ม Cardiac troponins
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีเคจี
  • ตรวจเอคโคหัวใจ
  • ตรวจเอกซเรย์ปอดดูภาพของหัวใจและปอด

นอกจากนั้น อาจมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วย, สิ่งผิดปกติที่แพทย์ตรวจพบ, และดุลพินิจของแพทย์, เช่น

  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย (Stress test)
  • การสวนหัวใจ
  • ตรวจหัวใจด้วยเอมอาร์ไอ และ/หรือ ตรวจหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์(ซีทีสแกน)
  • ตรวจหัวใจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์/รังสีวิทยา(Cardiac scintigraphy)
  • และบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อจากหัวใจเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดขึ้นกับแต่ละชนิดของโรค ในภาพรวมคือ

  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น
    • การกินอาหาร (อาหารป้องกันโรคหัวใจ)
    • การออกกำลังกาย
    • การเลิกบุหรี่
    • การผ่อนคลายความเครียด
  • ใช้ยาต่างๆตามชนิดของโรค เช่น
    • ยาปฏิชีวนะเมื่อเกิดจากหัวใจติดเชื้อแบคทีเรีย
    • ยาสลายลิ่มเลือด และ/หรือ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
    • ยาลดความดัน เมื่อมีโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
  • การใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆตามชนิดของโรค เช่น เครื่องคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ (Pacemaker) เป็นต้น
  • หัตถการต่างๆทางการแพทย์โรคหัวใจ เช่น Coronary angioplasty (การขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน/Heart balloon , การใส่ท่อตาข่ายขยายหลอดเลือด/ Stent
  • การผ่าตัด เช่น การผ่าตัดลิ้นหัวใจ, การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ซึ่งการผ่าตัดหัวใจมักเลือกใช้เมื่อการรักษาทางยาไม่ได้ผล
  • การรักษาตามอาการ เช่น ยาบรรเทาอาการปวด, การให้ออกซิเจน, การให้น้ำและสารอาหารทางหลอดเลือด

โรคหัวใจและหลอดเลือดรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?

โดยทั่วไปโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นโรครุนแรง แต่เมื่อได้รับการรักษาตั้งแต่ในเบื้องต้นของโรค มักสามารถรักษา ดูแล และควบคุมโรคได้ดี

ซึ่งการรักษาโรคหัวใจต้องได้รับความร่วมมืออย่างดีระหว่าง แพทย์ พยาบาล กับผู้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วย ทั้งนี้เพราะผู้ป่วยจำเป็นต้องมีข้อปฏิบัติที่เคร่งครัดหลายประการในการใช้ชีวิตประจำวัน อาหาร เครื่องดื่ม การกินยา และการต้องพบแพทย์ที่ต้องต่อเนื่อง เป็นต้น

ผลข้างเคียงจากโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สำคัญ คือ การเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว/หัวใจวาย, การเกิดอาการหัวใจล้ม (Heart attack) ซึ่งมักเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน/กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และอัมพาต: โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เพราะโรคหัวใจฯจะเป็นสาเหตุให้สมองขาดเลือด

ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

เมื่อมีอาการต่างๆดังได้กล่าวแล้วใน ‘หัวข้ออาการฯ’ ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ เพื่อแพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุ

และเมื่อทราบแล้วว่าตนเองเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด การดูแลตนเองที่สำคัญ คือ

  • ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วนถูกต้อง ไม่ขาดยา
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่สำคัญ คือ
    • เลิกสูบบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
    • ดูแล ควบคุม การบริโภคอาหาร (อาหารป้องกันโรคหัวใจ)
    • มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ หรือ ตามแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด แนะนำ
    • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)เพื่อลดการติดเชื้อ และเพื่อการมีสุขภาพจิตที่ดี
    • เลิกสุรา
  • รักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงให้ได้อย่างดี เช่น
    • โรคเบาหวาน
    • โรคความดันโลหิตสูง
    • โรคไขมันในเลือดสูง
    • โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
  • พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัดเสมอ และรีบพบก่อนนัด เมื่อ
    • มีอาการผิดปกติไปจากเดิม
    • อาการต่างๆแย่ลง
    • กังวลในอาการ
  • ไปโรงพยาบาลฉุกเฉิน เมื่อ
    • เจ็บหน้าอก เจ็บร้าวไปใบหน้า/กราม ไหล่/บ่า/แขน
    • วิงเวียน จะเป็นลม และ/หรือ
    • พูดไม่ชัด สับสน แขน ขาอ่อนแรง

มีการตรวจคัดกรองโรคหัวใจและหลอดเลือดไหม?

การตรวจคัดกรองโรคหัวใจและหลอดเลือด คือ การตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 15-18 ปี ตรวจโดยแพทย์ ตรวจชีพจร วัดความดันโลหิต, การตรวจร่างกาย, การตรวจปัสสาวะ, ตรวจเลือดดู ค่าน้ำตาล ไขมัน การทำงานของไต, ส่วนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีเคจี แพทย์มักแนะนำให้ตรวจเมื่ออายุตั้งแต่ 35-40 ปีขึ้นไปและอาจพิจารณาเป็นรายๆไป

ส่วนผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดดังกล่าวแล้วใน’หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ’ การตรวจคัดกรองโรคหัวใจควรอยู่ในการแนะนำของแพทย์

ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างไร?

การป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด คือ การป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันได้ ดังกล่าวแล้วใน’หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ซึ่งที่สำคัญ ได้แก่

  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่ ปรับพฤติกรรมการการบริโภค (อาหารป้องกันโรคหัวใจ) ออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพสม่ำเสมอ
  • รักษาสุขภาพกาย สุขภาพจิต ด้วยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)
  • ป้องกัน รักษา ควบคุมโรคต่างๆที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
  • ตรวจสุขภาพประจำปีโดยแพทย์ เพื่อคัดกรองปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
  • เลิกสุรา

 

บรรณานุกรม

  1. https://haamor.com/หัวใจ [2022,July16]
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Cardiovascular_disease [2022,July16]
  3. https://www.nhlbi.nih.gov/files/docs/public/heart/living_hd_fs.pdf [2022,July16]
  4. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK535419/ [2022,July16]
  5. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/cardiovascular-diseases-(cvds) [2022,July16]
  6. https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=20876&deptcode=brc [2022,July16]