โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน (Venous stroke)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

บทนำ: เรื่องทั่วไป

โรคหลอดเลือดสมองหรือโรคอัมพาต (Stroke) ที่เรารู้จักกันดีนั้นมี 2 กลุ่มหลักเมื่อแบ่งตามชนิดของหลอดเลือดที่เกิดพยาธิสภาพ  กล่าวคือ หลอดเลือดในสมองเรามี 2 ระบบ คือ หลอดเลือดแดง และระบบหลอดเลือดดำ, ซึ่งโรคหลอดเลือดสมองที่เราพบบ่อยและก่อให้เกิดอาการอัมพาตนั้นเกือบทั้งหมด (มากกว่า 99%) เกิดจากหลอดเลือดแดง (Artery) มีความผิดปกติ, แต่มีส่วนน้อยมากๆเท่านั้นที่เกิดจากหลอดเลือดดำในสมองอุดตัน (Venous obstruction) หรือจากโพรงหลอดเลือดดำในสมองอุดตัน (Cerebral venous sinus thrombosis) ที่เรียกว่า “โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน (Venous stroke),” เรามาเรียนรู้โรคนี้กันว่ามีลักษณะทางคลินิกอย่างไร?

โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันคืออะไร?

โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน

 

โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน คือ โรคสมองที่เนื้อเยื่อสมองสูญเสียหน้าที่การทำงานอย่างเฉียบพลันเนื่องมาจากเกิดการอุดตันของ’ระบบหลอดเลือดดำในสมอง’ ส่งผลให้มีความดันในระบบหลอดเลือดดำในสมองสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะสมองบวมทั้งแบบ *Vasogenic brain edema* และแบบ **Cytotoxic brain edema**, ส่งผลให้เนื้อสมองบางส่วนขาดเลือด และ มีเลือดออกเป็นจุดๆ(Petechial hemorrhage)ในบริเวณเนื้อสมองที่ขาดเลือด

         *อนึ่ง:

  • *Vasogenic brain edema*: หมายถึง ภาวะสมองบวมจากการสูญเสียหน้าที่ของสมองส่วนที่เรียกว่า Blood brain barrier (มีหน้าที่ควบคุมการเข้า-ออกของสารเคมีในหลอดเลือดและในตัวเซลล์สมอง) ทำให้มีการไหลออกของสารเคมีจากหลอดเลือดสู่เซลล์สมองมากขึ้นจึงเกิดการบวมของสมอง/ภาวะสมองบวม
  • **Cytotoxic brain edema*: หมายถึง ภาวะสมองบวมจากเซลล์สมองสูญเสียพลังงานจากการขาดออกซิเจน(สมองขาดออกซิเจน) ทำให้เซลล์สมองตายและเกิดการปล่อยสารเคมีออกมาจากเซลล์สมองที่ตายจนก่อให้เกิดการบวมของเนื้อสมอง

โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันพบบ่อยไหม?

โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน  พบน้อย มีรายงานจากสหรัฐอเมริกาพบ ในแต่ละปีได้ประมาณ 13.2-15.7 รายต่อประชากร 1 ล้านคน, พบเพศหญิงสูงกว่าเพศชายประมาณ 3:1 (แต่บางรายงานพบในอัตราเท่ากัน), มักพบในวัยกลางคนขึ้นไป แต่พบได้ทุกอายุตั้งแต่เด็กแรกเกิด, โดยพบสูงกว่าในผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ เช่น โรคมะเร็ง โรคไตรั่ว โรคโควิด-19

สาเหตุโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันเกิดจากอะไร?

สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันเกิดจากการที่เลือดมีภาวะแข็งตัวได้ง่ายกว่าปกติ ร่วมกับมีการกดเบียดของระบบหลอดเลือดดำสมอง เช่นจาก

  • ภาวะเลือดแข็งตัวง่ายแต่กำเนิด เช่น ขาดสารต่อต้านการแข็งตัวของเลือด (Protein C, S, Antithrombin III deficiency)
  • ภาวะมีเลือดหนืด/ข้นเช่น ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง, ไฟไหม้รุนแรง, น้ำร้อนลวกรุนแรง, เลือด ข้นจากโรคเลือดหนืด (Polycythemia vera), ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก, โรคมะเร็ง
  • การใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดขนาดสูงและเป็นระยะเวลานาน (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com เรื่อง การคุมกำเนิด)
  • การใช้ยาเคมีบำบัด รักษาโรคต่างๆ เช่น ยา L-asparaginase
  • การใช้ยาสเตียรอยด์, ยาเฮ็พพาริน (Heparin)
  • การติดเชื้อบริเวณ ไซนัส, หน้าผาก, ช่องหูชั้นใน
  • การกดเบียดหลอดเลือดดำในสมองจากก้อนเนื้องอกสมอง
  • การทำหัตถการบริเวณหลอดเลือดดำในบริเวณคอ, ผิวสมอง เป็นต้น

อาการเหมือนหรือต่างกับโรคหลอดเลือดแดงสมองอุดตัน?

อาการจากโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน จะแตกต่างจากอาการของ โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดแดงอุดตัน เนื่องจากมีกลไกการเกิดโรคที่ต่างกัน

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน ทั่วไปจะมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทดังนี้ เช่น

  • ปวดหัว พบได้ประมาณ 75%
  • ความดันในกะโหลกศีรษะสูง พบได้ประมาณ 49%
  • แขนขาอ่อนแรง พบได้ประมาณ 34%
  • อาการชัก พบได้ประมาณ 37%
  • ระดับความรู้สึกตัวผิดปกติ พบได้ประมาณ 30%
  • ความผิดปกติที่พบไม่บ่อย เช่น เส้นประสาทสมองพิการ (Cranial nerve palsy), ตากระตุก, หูดับ

*ส่วนอาการจากหลอดเลือดแดงในสมองอุดตัน แนะนำอ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

แพทย์วินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันอย่างไร?

การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันทำได้ไม่ง่าย ต้องเริ่มจากที่แพทย์คิดถึงภาวะนี้กรณีผู้ป่วยมีอาการ ปวดหัว  ชัก และมีอาการแขนขาอ่อนแรง ประกอบกับมีประวัติการดำเนินโรค/ธรรมชาติของโรคที่ค่อยๆเกิด ไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็วเหมือนโรคอัมพาตที่เกิดจากหลอดเลือดแดงอุดตันที่จะเกิดอย่างเฉียบพลัน, ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดหัวนำมาก่อน หรือมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทที่พบในผู้ที่มีภาวะ/ปัจจัยเสี่ยง (ดังกล่าวใน 'หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยง/สาเหตุฯ') ต่อการเกิดโรคนี้

นอกจากประวัติอาการดังกล่าวแล้ว แพทย์จะทำการตรวจร่างกายทั่วไป, การตรวจร่างกายทางระบบประสาท, และจะให้การวินิจฉัยร่วมกับการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์/ซีทีสแกนสมองและ/หรือเอมอาร์ไอสมอง, หรือร่วมกับการตรวจหลอดเลือดดำด้วยการเอกซเรย์ฉีดสี/สารทึบแสงเข้าในหลอดเลือด (Contrast cerebral angiography)

ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน?

ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยง/ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน เช่น

  • หญิงตั้งครรภ์
  • ภาวะใกล้คลอด
  • ผู้ใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งในบริเวณลำคอ, โรคเลือดหนืด, โรคเลือดชนิดที่เลือดแข็งตัวง่าย
  • ผู้ป่วยที่ทำหัตถการเกี่ยวกับหลอดเลือดดำ

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอกรณีที่มีอาการปวดศีรษะรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน, และอาการเป็นมานานหลายวันไม่ดีขึ้น, หรือมีอาการปวดหัวร่วมกับอาการชัก, และ/หรือร่วมกับแขน/ขาอ่อนแรง

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันได้ผลดีหรือไม่?

ผลการรักษาหรือการพยากรณ์โรคของโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันส่วนใหญ่รักษาได้ผลดีถ้ามาพบแพทย์ได้ทันเวลา คือ ก่อนที่จะมีระดับความรู้สึกตัวเสียไป และ/หรือมีอาการแขนขาอ่อนแรงไม่มาก

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันทำอย่างไร?

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันประกอบด้วย การรักษาแก้ไขสาเหตุ หรือโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น การหยุดใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด, หยุดยาเคมีบำบัด, แก้ไขรักษาภาวะเลือดข้น/เลือดหนืด, การให้ยาละลายลิ่มเลือด เป็นต้น

 นอกจากนั้น ถ้ามีภาวะสมองบวมมากๆก็ต้องให้ยาลดสมองบวมร่วมด้วย, และกรณีมีเลือดออกปริมาณมากในสมองก็ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดสมอง

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันใช้เวลานานเพียงใด?

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 6 เดือน, แต่ถ้ามีสาเหตุจากโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ (เช่น เนื้องอกสมอง) ก็ต้องรักษาด้วย 'ยาละลายลิ่มเลือด' ไปตลอดชีวิต

โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันมีผลข้างเคียงอย่างไร?

ผลข้างเคียงที่สำคัญของโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตัน  เช่น

  • เกิดการบวมของเนื้อสมอง (สมองบวม)
  • เกิดความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้นอย่างมาก (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com บทความเรื่อง ความดันในกะโหลกศีรษะสูง)
  • รวมทั้งก่อให้เกิดอาการชักได้ง่ายขึ้น
  • และกรณีที่มีภาวะสมองบวมที่เกิดในสมองส่วนสำคัญเช่น ที่ก้านสมอง, หรือการบวมเกิดเป็นบริเวณกว้างที่อาจก่อให้เกิดเนื้อสมองที่บวมเลื่อนมากดทับก้านสมอง (Brain herniation) ก็เป็นเหตุให้ผู้ป่วยถึงตายได้

ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันควรต้องปฏิบัติตัวดังนี้ เช่น

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • ต้องทานยาละลายลิ่มเลือดที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
  • ระวังภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) จากยาละลายลิ่มเลือด (ที่สำคัญคือ ภาวะเลือดออกง่าย) ที่มักจะเกิดได้ง่าย (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ยาละลายลิ่มเลือด) โดยการหลีกเลี่ยงการซื้อยานี้และยาต่างๆทานเอง, หลีกเลี่ยงการทานอาหารเสริม หรือสมุนไพร เพราะอาจเสริมฤทธิ์ของยาละลายลิ่มเลือดจนเกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ และ ระวังอุบัติเหตุที่อาจก่อให้เกิดเลือดออกง่าย

ผู้ป่วยต้องพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อใด?

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันที่มีอาการผิดปกติมากขึ้น เช่น ปวดหัว,  มีจ้ำห้อเลือดขนาดใหญ่ตามผิวหนัง, ชักบ่อยขึ้น, แขน ขาอ่อนแรงมากขึ้น, รวมทั้งมีอาการที่สงสัยว่าจะแพ้ยาที่ใช้อยู่ (เช่น ใบหน้า ริมฝีปาก บวม มีผื่นคันขึ้นทั้งตัว หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย), ควรต้องรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด/หรือทันที/ฉุกเฉินขึ้นกับความรุนแรงของอาการ

ป้องกันโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันอย่างไร?

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดดำอุดตันสามารถทำได้กรณีที่มีสาเหตุจาก ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงซึ่งอาจพบในภาวะหลังคลอดที่เกิดจากการที่ผู้หญิงหลังคลอดอยู่ไฟ, ทานน้ำน้อย, ทานเค็ม, จึงมีความร้อนสะสมในตัวสูง ก่อให้เกิดการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายอย่างมาก จึงป้องกันได้โดยการไม่อยู่ไฟ, หรือถ้าอยู่ไฟก็ต้อง ทานอาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การป้องกันด้วยวิธีอื่นๆ: เช่น

  • พยายามไม่ใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดขนาดสูง (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com 2 เรื่องคือเรื่อง การคุมกำเนิด และเรื่อง ยาเม็ดคุมกำเนิด) ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
  • ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อบริเวณใบหน้า, โพรงไซนัส, ไม่แกะสิวหรือแกะแผลบริเวณใบหน้าเพราะจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย, การติดเชื้อบริเวณใบหน้าอาจลุกลามเป็นการติดเชื้อเข้าหลอดเลือดดำของสมองที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคนี้ได้

สรุป

โปรดใส่ใจสุขภาพอาการผิดปกติเพียงน้อยนิดที่ไม่หายไปเองจากการดูแลตนเอง ก็ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลด้วยนะครับ

บรรณานุกรม

  1. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK560598/   [2023,March18]