โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal Neuralgia)

สารบัญ

บทนำ

อาการปวดศีรษะ (Headache) เป็นอาการทางระบบประสาทที่พบบ่อยที่สุด ไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่เคยปวดศีรษะ แต่โชคดีที่อาการปวดศีรษะส่วนใหญ่นั้น มีสาเหตุไม่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะไมเกรน ปวดศีรษะจากความเครียด เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เวลามีอาการปวดศีรษะ จึงนิยมซื้อยาทานเองเพื่อแก้อาการปวดศีรษะ จนบางครั้งกว่าจะมาพบแพทย์ก็มีอาการรุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขได้

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้สนใจดูแลสุขภาพตนเองได้ทราบว่า สัญญาณอันตรายของอาการปวดศีรษะคืออะไร และเมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์ นำเสนอแบบ ถาม-ตอบ เพื่อความเข้าใจที่ง่าย ตรงประเด็น

อาการปวดศีรษะที่ร้ายแรงคืออะไร?

หลายคนเคยสงสัยว่า อยู่ดีๆก็มีการปวดเสียวแปล๊บบริเวณใบหน้า บริเวณแก้ม เป็นๆหาย ๆ ลักษณะคล้ายปวดฟัน ไปพบทันตแพทย์ก็ตรวจไม่พบความผิดปกติ หรืออาจตรวจพบฟันผุ รักษาฟันผุเรียบร้อยก็ไม่หายปวด ปวดแต่ละครั้งรุนแรงจนน้ำตาไหล เพราะปวดรุนแรงมาก ไปตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เราเป็นอะไรกันแน่ อาการผิดปกติที่เกิดขึ้น คือโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal neuralgia) เราลองมาติดตามรายละเอียดของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าดูนะครับ

เส้นประสาทใบหน้าคืออะไร?

เส้นประสาทใบหน้า คือ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 โดยเส้นประสาทสมองของมนุษย์นั้นมีทั้งหมด 12 คู่ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ทำหน้าที่นำความรู้สึกมาเลี้ยงบริเวณบริเวณใบหน้า โดยต้นกำเนิดของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 นี้อยู่บริเวณก้านสมอง

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าพบได้บ่อยไหม? พบในอายุเท่าไร?

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าพบได้ไม่บ่อย โดยพบได้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย กลุ่มอายุที่พบบ่อยคือ ตั้งแต่วัยกลางคนถึงผู้สูงอายุ

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีกลุ่มปัจจัยเสี่ยงไหม?

โรคนี้พบได้ในคนทั่วไป ไม่มีกลุ่มเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคนี้โดยเฉพาะ

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีอาการอย่างไร?

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีอาการปวดที่ใบหน้าด้านใดด้านหนึ่ง จะไม่เป็นพร้อมกันทั้ง 2 ด้าน (โอกาสเกิดในด้านซ้ายและด้านขวาใกล้เคียงกัน) หรืออาจปวดบริเวณแก้ม กระพุ้งแก้ม เหงือกและฟันด้านใดด้านหนึ่งได้อย่างรุนแรง

อาการปวดจะเป็นขึ้นมาเองโดยฉับพลัน โดยผู้ป่วยจะปวดเหมือนถูกเข็มแทง ไฟช็อต หรือ ปวดแสบร้อนบริเวณใบหน้า รวมทั้งเหงือก บางรายเข้าใจว่าปวดฟัน จึงไปพบทันตแพทย์ เพื่อรักษาฟันผุ รักษาเหงือกอักเสบ หรือบางรายถูกถอนฟันไปหลายซี่ อาการก็ไม่หายปวด

อาการปวดเส้นประสาทใบหน้าเป็นบ่อยหรือไม่?

อาการปวดมักจะเกิดอย่างรุนแรงเป็นพักๆ ช่วงสั้นๆ ไม่กี่วินาทีและหายได้เอง แต่จะเป็นซ้ำๆ ถี่ๆ ตลอดทั้งวัน ทำให้ผู้ป่วยทรมานอย่างมาก บางรายไม่สามารถสัมผัสบริเวณใบหน้าได้ หรือไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ แปรงฟัน หรือโกนหนวดไม่ได้ ซึ่งรบกวนการดำรงชีวิตอย่างมาก บางคนทานอาหารไม่ได้จนผอมลงอย่างมาก จนกลัวว่าตนเองจะเป็นโรคมะเร็ง

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าเกิดจากอะไร?

สาเหตุของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า เกิดจากหลอดเลือดสมองไปกดทับเส้นประสาทใบหน้า (เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5) ในบริเวณก้านสมอง นอกจากนี้อาจเกิดจากเนื้องอกสมอง หรือ ปลอกประสาทเสื่อม หรือ บ่อยครั้งแพทย์หาสาเหตุไม่พบ

ทำไมจึงมีอาการผิดปกติดังกล่าว?

เนื่องจากเส้นประสาทใบหน้าทำหน้าที่รับความรู้สึกจากบริเวณใบหน้าและช่องปาก เมื่อเกิดอาการผิดปกติต่อเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ผู้ป่วยจึงมีอาการดังกล่าว

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

โรคนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ผู้ป่วยจะรำคาญและทรมานจากอาการปวดที่รุนแรง ดังนั้นผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อให้การวินิจฉัยและรักษาในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติและอาการดังกล่าวส่งผลรบกวนการดำรงชีวิต

แพทย์วินิจฉัยโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าได้อย่างไร?

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า แพทย์ให้การวินิจฉัย โดยการสอบถามอาการร่วมกับการตรวจร่างกาย ทั้งนี้ ผู้ป่วยต้องตรวจไม่พบมีความผิดปกติทางระบบประสาทส่วนอื่นๆเลย แพทย์ก็สามารถวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง หรือแม่เหล็กไฟฟ้า/เอมอาร์ไอสมอง

เมื่อใดต้องตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองหรือแม่เหล็กไฟฟ้า/เอมอาร์ไอสมอง?

แพทย์จะส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง หรือแม่เหล็กไฟฟ้า/เอมอาร์ไอสมอง กรณีที่ตรวจพบความผิดปกติของระบบประสาทอื่นๆร่วมด้วย หรือกรณีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาแล้วไม่ตอบสนองต่อการรักษา และ/หรือมีอาการดังกล่าวแล้วในหัวข้อ อาการ มานานโดยไม่มีช่วงที่หายจากอาการเลย

รักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าทำอย่างไร?

การรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าได้ผลดีด้วยยาคาร์บามาซีปีน (Carbamazepine) กรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนอง อาจต้องเพิ่มขนาดยา หรือเพิ่มยาชนิดอื่นๆ เช่น ยาไตรเล็บทอล (Tri leptal) ยากาบาเพ็นติน (Gabapentin) หรือ ยาแบคโคลเฟน (Baclofen) โดยยาจะรักษาอา การปวดเท่านั้น ไม่ได้รักษาสาเหตุ ดังนั้นอาการอาจไม่หายขาด เมื่อหยุดยาก็อาจมีโอกาสเป็นซ้ำได้

ต้องทานยานานเท่าไหร่?

ยาที่ใช้รักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าได้ผลดีที่สุดคือ ยาคาร์บามาซิปีน โดยแพทย์จะเริ่มให้ขนาดต่ำๆก่อนเสมอ เพื่อดูการตอบสนองและการแพ้ยา เมื่ออาการดีขึ้น แพทย์ก็จะค่อยๆลดขนาดยาลง ถ้าไม่มีอาการอีก แพทย์ก็จะหยุดยา แต่ถ้ามีอาการกลับเป็นซ้ำ แพทย์ก็จะเริ่มให้ยาใหม่ ระยะเวลาที่ทานยานั้นก็ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของอาการ

กรณีผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาทานจะทำอย่างไร?

ยาที่ใช้รักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีหลายชนิด ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาชนิดใด แพทย์ก็จะเลือกชนิดยาใหม่ และค่อยๆปรับขนาดยา ผู้ป่วยบางรายอาจต้องได้รับยาหลายชนิดร่วมกัน แต่ถ้าไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาต่างๆเลย แพทย์อาจส่งตรวจเอกซ เรย์คอมพิวเตอร์สมอง หรือแม่เหล็กไฟฟ้า/เอมอาร์ไอสมองเพื่อหาสาเหตุต่อไป

ผู้ป่วยจำเป็นต้องผ่าตัดทุกรายหรือไม่?

การผ่าตัดในโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า จำเป็นในกรณีที่เกิดจากสาเหตุเนื้องอกสมอง หรือ หลอดเลือดสมองไปกดเบียดเส้นประสาทเส้นที่ 5 มาก หรือโรคที่จำเป็นต้องผ่าตัด เช่น ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเลย

การผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีกี่แบบ?

การผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีหลายวิธี ได้แก่

  1. การทำลายเส้นประสาทเส้นที่ 5 โดยความร้อน
  2. การทำลายเส้นประสาทเส้นที่ 5 โดยการฉายรังสีรักษา
  3. การผ่าตัดสมองเพื่อเข้าไปนำก้อนเนื้องอกสมองออกมา หรือ การโยกเปลี่ยนตำแหน่งของหลอดเลือดที่กดทับเส้นประสาทเส้นที่ 5 ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้มีโอกาสหายขาดสูง เพราะเป็นการรักษาสาเหตุโดยตรง

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้ารักษาหายไหม?

โรคนี้เป็นโรคที่มีโอกาสเป็นซ้ำได้สูง เพราะสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีหลอดเลือดบริเวณก้านสมองไปกดทับหรือเบียดเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ถึงแม้ว่าผลการรักษาด้วยยาจะได้ ผลดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้หายขาด การรักษาที่ทำให้หายขาด คือ การผ่าตัด เพื่อโยกหลอดเลือดบริเวณก้านสมองที่กดทับ หรือเปลี่ยนย้ายเส้นประสาทสมองให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ให้มีการกดเบียดทับเส้นประสาทสมอง

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

โรคนี้เป็นโรคที่มีโอกาสเป็นซ้ำได้สูง เพราะสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีหลอดเลือดบริเวณก้านสมองไปกดทับหรือเบียดเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ถึงแม้ว่าผลการรักษาด้วยยาจะได้ ผลดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้หายขาด การรักษาที่ทำให้หายขาด คือ การผ่าตัด เพื่อโยกหลอดเลือดบริเวณก้านสมองที่กดทับ หรือเปลี่ยนย้ายเส้นประสาทสมองให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ให้มีการกดเบียดทับเส้นประสาทสมอง

ควรดูแลตนเองอย่างไร? เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?

ในโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า กรณีที่ผู้ป่วยได้ทานยารักษาโรคนี้ สิ่งที่สำคัญ คือต้องดู แลตนเองให้ดีในด้านการใช้ยา เพราะยาที่ทานอยู่นั้นคือ ยากันชัก ซึ่งมีผลแทรกซ้อนที่พบบ่อย ๆ คือ ง่วงซึม เดินเซ วิงเวียนศีรษะ หรือแม้กระทั่งการแพ้ยาอย่างรุนแรง เกิดผื่นลอกทั้งตัว ดังจะเห็นได้จากแพทย์จะค่อยๆเริ่มให้ทานยาขนาดต่ำๆก่อนเสมอ และค่อยๆปรับยาเพิ่มขึ้นตามอา การปวด และถ้าอาการดีแล้ว แพทย์จะคงขนาดยานั้นไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง และจะค่อยๆลดขนาดยาลงอีก ในผู้ป่วยบางรายที่เพิ่งเริ่มทานยาใหม่ๆ อาจเกิดอาการแพ้ได้ง่าย ดังนั้นผู้ป่วยต้องสังเกตอาการว่า หลังจากที่ทานยาไปแล้วมีอาการผิดปกติอะไรบ้าง เช่น ผื่นคัน ผื่นลมพิษ เดินเซ วิงเวียนศีรษะ ถ้ามีอาการผิดปกติดังกล่าว ควรหยุดยาที่ทานทันที และรีบมาพบแพทย์ทันทีเช่นกัน

กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดรุนแรงกว่าเดิมในขณะที่ทานยาอยู่แล้วนั้น ก็ไม่ควรปรับยาเองตามอาการ เพราะยาดังกล่าวมีช่วงระดับยาที่ได้ผลกับที่เป็นพิษใกล้เคียงกันมาก จึงไม่แนะนำให้ปรับขนาดยาเอง ยกเว้นแพทย์ได้แนะนำให้ปรับขนาดเองในตอนแรกของการเริ่มใช้ยาเท่านั้น

ดังนั้นถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติต่างๆก็ควรต้องรีบมาพบแพทย์ก่อนนัด อีกเรื่องที่สำคัญคือ ถ้าผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วย และต้องได้รับการรักษาด้วยยาชนิดอื่นๆเพิ่มเติม ต้องบอกให้แพทย์ทราบด้วยเสมอว่า ผู้ป่วยทานยารักษาโรคนี้อยู่ วิธีที่ดีที่สุดคือ นำยาที่ผู้ป่วยทาน ไปให้แพทย์ดูด้วยทุกครั้ง

สามารถป้องกันโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าได้ไหม?

โรคนี้ไม่สามารถป้องกันได้ บางท่านมีความเชื่อว่าการทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆหรือบางชนิด จะสามารถช่วยป้องกันโรคนี้ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงครับ