Truvada ข่าวดีสำหรับผู้เสี่ยงติดเชื้อ HIV (ตอนที่ 2 และตอนจบ)

อย่างไรก็ตาม ยาทรูวาดา (Truvada) ก็มีผลข้างเคียง ซึ่งได้แก่ คลื่นเหียน อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงผิดปรกติ ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณ บ่งบอกว่ากรดในเลือดสูงขึ้น (Lactic acidosis) เป็นอาการข้างเคียงรุนแรงที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์

อุจจาระสีอ่อน ปัสสาวะสีเข้ม ผิวหรือตาขาวเหลือง อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาของตับเป็นพิษ (Hepatotoxicity) หรือตับโต (Hepatomegaly) และไขมันพอกตับ (Steatosis) ในผู้ป่วยที่เป็น HIV-1 และ ไวรัสตับอักเสบ B (Hepatitis B virus : HBV) แล้วหยุดใช้ยาทรูวาดา อาการโรคตับอาจทรุดลงทันทีทันใด แพทย์หรือผู้ดูแลสุขภาพอาจต้องเฝ้าระวังตามอาการอยู่หลายเดือน

หากผู้ใช้ยาทรูวาดา มีปัญหาไต (หรือใช้ยาที่อาจก่อปัญหากับไต) อยู่ แพทย์หรือผู้ดูแลสุขภาพ จะตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไตเป็นระยะๆ การทดสอบการเปลี่ยนแปลงในกระดูกของคนไข้ที่ใช้ยา Viread ซึ่งเป็นตัวยาในทรูวาดา บ่งชี้ว่า มีวิวัฒนาการกระดูกบาง (Osteopenia) ซึ่งอาจก่อให้เกิดการหักได้ หากผู้ป่วยมีปัญหากระดูกอยู่ก่อน ต้องแจ้งแพทย์หรือผู้ดูแลสุขภาพ ก่อนการใช้ยา

นอกจากนั้นอาการปวดกระดูกหรือกระดูกลดความแข็งแรง ก็อาจมีสาเหตุจากปัญหาของไต อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดเมื่อใช้ยาทรูวาดา ร่วมกับยาต้านไวรัส HIV-1 อื่นๆ ได้แก่ ท้องเสีย วิงเวียน คลื่นเหียน ปวดศีรษะ เหนื่อยล้า ฝันผิดปรกติ มีปัญหาการนอน ผื่น หดหู่ซึมเศร้า หรืออาเจียน

อาการข้างเคียงที่เกิดกับไตได้แก่ ไตอักเสบหรือไตวาย ตับอ่อนอักเสบ ตับอักเสบ มีปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่นที่หน้า ปาก ลิ้น หรือคอบวม หายใจลำบาก ไขมันในตับ ปวดท้อง อ่อนแอ อาหารไม่ย่อย มีก๊าซในลำไส้ ปากแห้ง ผิวหนังตกกระ ปัจจุบันในเว็บไซต์ของทรูวาดาเอง (truvada.com) ได้ กล่าวกันไว้ว่า

  1. ยาทรูวาดา ไม่สามารถใช้รักษาเอชไอวี (HIV) หรือ เอดส์ (AIDS)
  2. ไม่มีหลักฐานว่า ยานี้ลดความเสี่ยงผู้อื่นติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคเอดส์จากผู้บริโภคยา
  3. ยานี้สามารถบริโภคร่วมกับรักษาเชื้อเอชไอวี อื่นๆ แต่ห้ามใช้ร่วมกับ Atripla และ/หรือ Hepsera เพราะตัวยาดังกล่าว มีส่วนผสมที่มีฤทธิ์เหมือนหรือใกล้เคียงกัน

ทุกสิ่งที่กล่าวมา มีน้ำหนักต้องชั่ง เปรียบเทียบกับความต้องการเร่งด่วนสำหรับมาตรการป้องกัน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ที่มีความต้องการในการเข้าถึงยารักษาโรคเอดส์ที่ต้นทุนต่ำ โดยขณะนี้ต้นทุนในการใช้ทรูวาดา อยู่ที่ 1,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 36,000 บาท)

หนึ่งในคณะกรรมาธิการที่ออกเสียงเห็นด้วย (Dr. Tom Giordano จาก Baylor College of Medicine) ได้กล่าวว่า หน้าที่ของคณะกรรมาธิการคือลงความเห็นว่า ยาใช้ได้ผลหรือไม่ และความเสี่ยงมีน้ำหนักมากกว่าผลดีหรือไม่ คณะกรรมาธิการได้เน้นว่าผู้ที่จะใช้ยาทรูวาดา ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นผู้ที่ไม่มีไวรัสเอชไอวี ก่อนเริ่มการใช้ยาทรูวาดา เพราะไม่เช่นนั้น การใช้ยาทรูวาดา อาจทำให้ดื้อยา และทำการรักษาเชื้อโรคได้ยากขึ้น

คณะกรรมาธิการยังกังวลอีกด้วยว่า หากมีกฏเกณฑ์มาก ผู้ที่มีความเสี่ยงอาจไม่ได้รับยาทรูวาดา แต่ที่น่ากังวลที่สุดก็คือ ยานี้อาจจะลดการใช้และ/หรือการป้องกันด้วยถุงยางอนามัย (Condom) ซึ่งปรกติเป็นอุปกรณ์ป้องกันเอชไอวีที่ดีที่สุด และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายคนกังวลว่า ยาชนิดนี้อาจมีส่วนสนับสนุนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงได้

ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็ได้แสดงความสงสัยต่อประสิทธิภาพของยาในการใช้กับหญิงมีความเสี่ยง อนึ่ง FDA สหรฐอเมริกา ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาดังกล่าว แต่ก็มักจะคล้อยตามคำแนะนำอยู่เสมอ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายของ FDA ในเรื่องยาทรูวาดานั้น คาดว่าจะไม่เกินวันที่ 15 มิถุนายน ศกนี้

แหล่งข้อมูล:

  1. TRUVADA Is Taken Just Once a Day in Combination Therapy. http://www.truvada.com/ [2012, May 20].
  2. Truvada, the first drug shown to prevent HIV infection wins FDA endorsement. http://www.nydailynews.com/life-style/health/fda-panel-backs-truvada-pill-block-hiv-infection-article-1.1076327 [2012, May 20].