โรคไต (Kidney disease)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ : คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

โรคไต หรือ โรคของไต (Kidney disease) คือ โรคต่างๆที่เกิดจากไตทำงานผิดปกติ จึงส่งผลให้เกิดของเสียและ/หรือสารอาหารและ/หรือธาตุอาหารส่วนเกินซึ่งในภาวะปกติร่างกายจะกำจัดออกทางปัสสาวะโดยผ่านการกรองของไต แต่เมื่อเกิดโรคไต ไตจะทำงานลดลง จึงก่อให้เกิดการคั่งของสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการ/ของเสียเหล่านั้น ส่งผลถึงการทำงานของเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆจนถึงเกิดเป็นภาวะไตวาย ซึ่งการที่ร่างกายกำจัดของเสียไม่ได้ เนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆก็จะไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติ จนในที่สุดอาจเป็นสาเหตุของการตายจากภาวะไตวายถ้าไม่ได้รับการล้างไตหรือไม่ได้รับการปลูกถ่ายไตในช่วงเวลาที่เหมาะสม

โรคไต/โรคของไต แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

  • โรคไตเฉียบพลัน: คือโรคไตที่เกิดจากสาเหตุเฉียบพลัน ซึ่งพบได้น้อยและมักสามารถรักษาได้หายในระยะเวลาสั้นๆ เช่น ไตขาดเลือดจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
  • และโรคไตเรื้อรัง: ที่พบได้สูงและเป็นปัญหาทางสาธารณสุขในปัจจุบันของทุกประเทศ โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคไตเรื้อรังคือโรคต่างๆในกลุ่มโรคเอนซีดี ได้แก่ โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน, โรคไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจและหลอดเลือด, ดังนั้นสถิติเกิดโรคไตเรื้อรังจึงขึ้นกับสถิติของโรคอื่นๆดังกล่าวด้วย, นอกจากนั้นโรคไตเรื้อรัง จะพบสูงมากขึ้นในช่วงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปเพราะประชากรวัยนี้มักเป็นโรคต่างๆในกลุ่มโรคเอนซีดีที่เป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคไตเรื้อรังดังกล่าว

โรคไต/ โรคของไต พบบ่อยทั่วโลกโดยเฉพาะโรคไตเรื้อรัง พบทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิด(นิยามคำว่าเด็ก)ไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยโอกาสเกิดใกล้เคียงกันทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ทั่วโลกพบโรคไตเรื้อรังสูงประมาณ 10%ของประชากรทั่วโลกและเป็นโรคที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขของเกือบทุกประเทศ แต่ยังไม่มีสถิติเกิดโรคไตเฉียบพลันเพราะพบน้อยกว่าโรคไตเรื้อรังมากและมักไม่เป็นปัญหาทางสาธารณสุข

อนึ่ง:

  • โรคไตเรื้อรัง: เป็นโรคไต/โรคของไตที่พบบ่อย ดังนั้น เมื่อกล่าวถึง ‘โรคไต/โรคของไต’ ทั่วไปจึงมักหมายถึง ‘โรคไตเรื้อรัง’ ที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบและ/หรือการขาดเลือดของเซลล์ไตอย่างถาวร
  • โรคไตเรื้อรัง: มักมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากโรคเอนซีดีดังได้กล่าวแล้ว แต่ก็สามารถเกิดจากสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่พบได้น้อยกว่ามาก เช่น โรคนิ่วในไต, โรคไตอักเสบจากการติดเชื้อ, โรคไตรั่ว, โรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง, โรคถุงน้ำหลายๆถุง ในไต(Polycystic kidney disease), และโรคมะเร็งไต
  • ส่วนโรคไตเฉียบพลัน: พบได้น้อย เช่นจาก ไตติดเชื้อแบคทีเรีย(กรวยไตอักเสบ), ไตขาดเลือดทันที (เช่น การเสียเลือดมาก), ภาวะขาดน้ำ, อุบัติเหตุที่ไต, จากแพ้ยาบางชนิด (เช่น จากยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือ การแพ้สารทึบแสง/สีที่ฉีดในการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) หรือเอมอาร์ไอ)

โรคไตมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?

โรคไต2

สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงโรคไต/โรคของไต ได้แก่

ก. สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของโรคไตเฉียบพลัน: ซึ่งเป็นโรคพบน้อย เช่น

  • ไตขาดเลือดจากร่างกายเสียเลือดมาก
  • ไตได้รับบาดเจ็บโดยตรง เช่น จากอุบัติเหตุ
  • ภาวะขาดน้ำรุนแรง
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด, ยาปฏิชีวนะบางชนิด, สารทึบแสง/สีที่ฉีดในการวินิจฉัยโรคด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน), หรือเอมอาร์ไอ, ยาสมุนไพรบางชนิด

ข.สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไตเรื้อรัง: มีได้หลากหลาย ที่พบบ่อย คือ จาก

  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไขมันในเลือดสูง
  • โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด

ค. อื่นๆ: สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่พบน้อยกว่า: เช่น

  • โรคนิ่วในไต
  • ไตติดเชื้อแบคทีเรีย (ไตอักเสบ)
  • โรคออโตอิมมูน /โรคภูมิต้านตนเอง
  • กินอาหารเค็มจัดต่อเนื่อง: จากเกลือโซเดียมในเลือดสูงที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
  • โรคมะเร็ง: มักเกิดจากโรคมะเร็งชนิดต่างๆลุกลาม/แพร่กระจายเข้าต่อมน้ำเหลืองหรือเข้าเนื้อเยื่อต่างๆในช่องท้องและช่องท้องน้อย แล้วต่อมน้ำเหลือง/เซลล์มะเร็งที่ลุกลามฯเหล่านี้กดเบียดทับ/บีบรัดท่อไต ส่งผลให้ท่อไตอุดตันจึงเพิ่มความดันในไต ไตบวม และเซลล์ไตเสียการทำงานในที่สุด เช่น จากมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามรุนแรง
  • โรคทางพันธุกรรม: เช่น โรคถุงน้ำหลายถุงในไต ซึ่งส่งผลให้ไตมีการทำงานลดต่ำลงจนกลายเป็นโรคไตเรื้อรังในที่สุด

โรคไตมีอาการอย่างไร?

อาการที่พบได้ในโรคไต/โรคของไต ได้แก่

ก. โรคไตเฉียบพลัน: อาการสำคัญ คือ อาการที่เกิดอย่างเฉียบพลัน ที่พบบ่อยเช่น

  • ปัสสาวะน้อยกว่าปกติมาก
  • ไม่มีปัสสาวะ

ข. โรคไตเรื้อรัง: เมื่อเริ่มเป็น จะไม่มีอาการ จะมีอาการต่อเมื่อโรคเป็นมากแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุให้เมื่อผู้ป่วยที่มาพบแพทย์จึงมักป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่รุนแรงแล้ว โดยอาการที่พบบ่อยจากโรคไตเรื้อรัง เช่น

  • ปัสสาวะผิดปกติ: อาจปริมาณมาก, ปริมาณน้อย, ไม่มีปัสสาวะ, ปัสสาวะอาจขุ่น หรือใสเหมือนน้ำ, อาจสีเข้ม, เป็นฟองมาก, มีเลือดปน, และ/หรือ มีกลิ่นผิด ปกติ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • เบื่ออาหาร รสชาติอาหารแปลกไป ทั้งนี้จากผลของ ของเสียที่สะสมในร่างกายส่งผลต่อต่อมรับรสชาติและ/หรือประสาทรับรสชาติ
  • คลื่นไส้-อาเจียน จากการสะสมของของเสียเช่นกันที่มีผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมอาการนี้รวมถึงมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร
  • คันโดยไม่ขึ้นผื่น จากของเสียต่างๆในเลือดก่อการระคายเคืองต่อผิวหนัง
  • ซีด: เพราะปกติเซลล์ไตจะสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงของไขกระดูก ดังนั้นเมื่อเซลล์ไตเสียไป ฮอร์โมนชนิดนี้ก็ถูกสร้างลดลงไปด้วย จึงส่งผลถึงการสร้างเม็ดเลือดแดงของไขกระดูกให้ต่ำลงจนเกิดโรคซีด
  • มีน้ำในร่างกายมาก เพราะไตขับออกไม่ได้ จึงเกิดอาการบวม มักเริ่มที่ เท้า และรอบตาก่อน
  • เมื่อเป็นมาก จะเกิดอาการของไตวาย เช่น
    • สับสน
    • โคม่า
    • และตายในที่สุด

แพทย์วินิจฉัยโรคไตได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคไต/ โรคของไตได้จาก

  • การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย เช่น ประวัติอาการ โรคประจำตัว ประวัติการเจ็บป่วยต่างๆทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ประวัติการใช้ยา ใช้สมุนไพร ต่างๆ
  • การตรวจร่างกาย
  • การตรวจปัสสาวะ ที่อาจรวมถึงการตรวจเชื้อและการตรวจเพาะเชื้อจากปัสสาวะ
  • ตรวจเลือด ดูการทำงานของไต เช่นดูค่า สารครีอะตินีน (ย่อว่า Cr), สารบียูเอ็น (BUN), อัตราการกรองของไต(GFR), และของเกลือแร่ต่างๆ เช่น โซเดียม, โพแทสเซียม, แคลเซียม , และฟอสฟอรัส
  • อาจมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม โดยขึ้นกับ อาการผิดปกติของผู้ป่วย, สิ่งผิดปกติที่แพทย์ตรวจพบ, และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
    • ตรวจภาพไตด้วย อัลตราซาวด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน), และ/หรือ เอมอาร์ไอ
    • การตัดชิ้นเนื้อจากไตเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

รักษาโรคไตอย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคไต/โรคของไต คือ การกำจัดของเสียที่สะสมในร่างกาย/ในเลือดเพื่อให้เหลืออยู่ในเกณฑ์ที่เนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆสามารถทำงานได้อย่างใกล้เคียงปกติที่สุด, รักษาสาเหตุ, รักษาประคับประคองตามอาการ (การรักษาตามอาการ), และการผ่าตัดเปลี่ยนไต

ก. การกำจัดของเสียออกจากร่างกาย: เช่น

  • การล้างไต/การฟอกไต
  • การควบคุมอาหารและของบริโภคต่างๆ (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง’อาหารสำหรับโรคไต’) เพื่อลดอัตราการสะสมของของเสีย

ข.การรักษาควบคุมสาเหตุ: ซึ่งจะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละรายตามแต่ละสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง เช่น

  • รักษาควบคุมโรคเบาหวาน และ/หรือโรคความดันโลหิตสูง กรณีสาเหตุเกิดจากเบาหวาน และ/หรือความดันหิตสูง
  • การสลายนิ่ว หรือ ผ่าตัดนิ่วในไต กรณีสาเหตุเกิดจากนิ่วในไต

ค.การรักษาตามอาการ: คือ การรักษาอาการของแต่ละผู้ป่วยที่จะแตกต่างกันไป เช่น

  • ให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน กรณีมีคลื่นไส้-อาเจียน
  • ให้ยาแก้คัน กรณีมีอาการคัน

ง.การผ่าตัดเปลี่ยนไต: แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนไต เมื่อไตไม่สามารถทำงานได้อีกแล้ว ซึ่งในระยะรอการเปลี่ยนไต ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้จากการล้างไต/ฟอกไตเท่านั้น

โรคไตรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?

โรคไต จัดเป็นโรครุนแรง/การพยากรณ์โรคไม่ค่อยดี ทั้งไตวายเฉียบพลันและไตวายเรื้อรัง แต่อย่างไรก็ตาม หลายสาเหตุที่พบได้บ่อย เป็นสาเหตุที่ป้องกันหรือลดความรุนแรงโรคลงได้อย่างมีประสิทธิผลโดยเฉพาะกลุ่มโรคเอนซีดี ที่สำคัญ คือ โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคไขมันในเลือดสูง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน (แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆดังกล่าวเพิ่มเติมรวมถึงความรุนแรง/การพยากรณ์โรคและผลข้างเคียงได้จากเว็บhaamor.com)

อนึ่ง: เมื่อตรวจพบโรคไต/โรคของไตตั้งแต่เนิ่นๆและได้รับการรักษาทันท่วงที

  • ไตวายเฉียบพลันมักสามารถรักษาให้หายได้
  • ส่วนไตวายเรื้อรัง เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่การรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยชะลอการตายของเซลล์ไต ซึ่งจะช่วยชะลอภาวะไตวายได้

เมื่อเป็นโรคไตดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

เมื่อมีอาการดังกล่าวแล้วใน’หัวข้อ อาการฯ’ ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ และเมื่อทราบว่าตนเองเป็นโรคไต/โรคของไต การดูแลตนเองที่สำคัญ คือ

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ อย่างเคร่งครัด
  • กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่ง ให้ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ขาดยา
  • บริโภค อาหาร น้ำดื่ม เครื่องดื่มต่างๆ ตามแพทย์ พยาบาลที่ให้การรักษา แนะนำเสมอ (อาหารสำหรับโรคไต)
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต เพราะโรคไตมักเป็นโรคเรื้อรังเป็นสาเหตุให้ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายต่ำลง จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และมักเป็นการติดเชื้อรุนแรง รวมทั้งยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต
  • รักษา ควบคุมโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน ให้ได้ดี
  • พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
  • รีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
    • มีอาการผิดปกติไปจากเดิม
    • อาการต่างๆเลวลง
    • มีผลข้างเคียงอย่างต่อเนื่องจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำ เช่น วิงเวียนศีรษะมาก เป็นต้น
    • เมื่อกังวลในอาการ

มีการตรวจคัดกรองโรคไตไหม?

การตรวจคัดกรองโรคไต/โรคของไตตั้งแต่ยังไม่มีอาการ คือ การตรวจสุขภาพประจำปี โดยเริ่มได้ตั้ง แต่อายุ 15 ถึง 18 ปี ด้วยการตรวจร่างกายกับแพทย์, ตรวจวัดความดันโลหิต, การตรวจปัสสาวะ, และตรวจเลือดพื้นฐานดูค่าการทำงานของไต หรือการตรวจต่างๆตามแพทย์แนะนำ

ป้องกันโรคไตได้อย่างไร?

การป้องกันโรคไต/โรคของไต คือ การกินอาหารจืด, จำกัดการกินอาหารเค็ม, และการหลีกเลี่ยงสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงต่างๆอื่นๆที่ป้องกันได้ที่ได้กล่าวแล้วใน’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ซึ่งที่สำคัญ คือ ป้องกัน และ/หรือ รักษาควบคุมโรคเหล่านั้นให้ได้ดี โดยโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ

  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไขมันในเลือดสูง
  • โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด

(แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคไต/โรคของไตที่รวมถึงวิธีป้องกันได้จากเว็บ haamor.com)

บรรณานุกรม

  1. พนัส เฉลิมแสนยากร. ไต http://haamor.com/th/ไต/ [2020,Oct31]
  2. https://www.niddk.nih.gov/health-information/community-health-outreach/information-clearinghouses/nkdep?dkrd=lgdmw0002 [2020,Oct31]
  3. https://www.niddk.nih.gov/health-information/kidney-disease [2020,Oct31]
  4. https://www.healthline.com/health/kidney-disease [2020,Oct31]
  5. https://en.wikipedia.org/wiki/Chronic_kidney_disease [2020,Oct31]