โรคภูมิแพ้...ภัยเงียบที่คุกคามคนไทย (ตอนที่ 4)

โรคภูมิแพ้ที่คนไทยเป็นกันมากที่สุดอันดับสาม คือ โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Atopic dermatitis) ซึ่งเป็นโรคผิวหนัง เรื้อรังระยะยาวที่ทำให้เกิดสะเก็ดและผื่นคัน โรคภูมิแพ้ทางผิวหนังเกิดจากปฏิกิริยาที่ไวเกินของผิวหนัง ซึ่งนำไปสู่การอักเสบ บวม และแดงระยะยาวของผิวหนัง คนที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจขาดโปรตีนบางชนิดในผิวหนัง ทำให้มีปฏิกิริยาที่ไวเกินไปต่อสิ่งเร้า

โรคนี้เป็นโรคที่เด็กทารกอายุตั้งแต่ 2 - 6 เดือนเป็นกันมาก แต่หลายคนก็หายขาดเมื่อเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ผู้ป่วยโรคนี้มักเป็นโรคหืด หรือ ภูมิแพ้ตามฤดูกาลร่วมด้วย รวมทั้งมักมีประวัติสมาชิกครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ต่างๆ อย่างโรคหืด ไข้ละอองฟาง หรือโรคผิวหนังอักเสบเหตุภูมิแพ้

อย่างไรก็ตาม โรคภูมิแพ้ทางผิวหนังนั้น แม้ชื่อจะเหมือนกัน กลับไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ แต่อาการของโรคมีแนวโน้มเลวร้ายลง เมื่อผู้ป่วยได้รับการกระตุ้นจากละอองเกสรดอกไม้ เชื้อรา ไรฝุ่น หรือสัตว์ อากาศแห้งและเย็น ป่วยเป็น ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองและสารเคมี

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากการสัมผัสกับวัสดุเนื้อหยาบ เช่น ผ้าขนสัตว์ ผิวแห้ง เครียด สัมผัสกับน้ำมากเกินไป เช่น อาบน้ำหรือว่ายน้ำบ่อยครั้งเกินไป รู้สึกร้อนหรือเย็นเกินไป เช่น อุณหภูมิเปลี่ยนกะทันหัน และใช้สบู่หรือโลชั่นที่มีกลิ่นหรือสารย้อมสี

อาการของโรคภูมิแพ้ทางผิวหนังจะออกมาในรูปของการเปลี่ยนแปลงในผิวหนัง ประกอบไปด้วยตุ่มหนองที่มีเลือด ไหลและตกสะเก็ด ผิวแห้งทั้งตัวหรือบริเวณผิวขรุขระหลังแขนหรือหน้าขา หูเลือดไหล ผิวถลอกจากการเกา สีผิวเปลี่ยนเป็น เข้มหรืออ่อนกว่าผิวปกติ ผิวแดงหรืออักเสบบริเวณรอบตุ่มหนอง ผิวหนาและมีลักษณะเหมือนหนัง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลัง การระคายเคืองและการเกาเป็นเวลานาน

ประเภทของผื่นคันและที่ๆ ผื่นจะขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย กล่าวคือ ในเด็กอายุ ต่ำกว่า 2 ปี รอยของโรคบนผิวหนัง จะเริ่มขึ้นที่หน้า หนังศีรษะ มือ และเท้า รอยเหล่านี้มักจะเป็นรอยผื่นคันตกสะเก็ด หรือ เลือดไหล ในเด็กโตและผู้ใหญ่ รอยผื่นคันสามารถพบโดยทั่วไปบริเวณเข่าและข้อศอกด้านใน เช่นเดียวกับคอ มือ และเท้า

ช่วงระหว่างที่เกิดการปะทุอย่างรุนแรงนั้น ผื่นคันอาจขึ้นที่ไหนก็ได้ทั่วร่างกาย สำหรับอาการคัน ซึ่งบางครั้งรุนแรง เกิดขึ้นเป็นประจำเกือบทุกครั้ง ส่วนอาการคันอาจเกิดขึ้นก่อนรอยผื่นขึ้นด้วยซ้ำ จนสามารถพูดได้ว่ารอยผื่นนั้นเกิดขึ้นเพราะการเกาแล้วเกาอีก

ศ. นพ. เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม นายกสมาคมโรคภูมิแพ้ฯ กล่าวว่า สาเหตุของโรคภูมิแพ้เกิดจากพันธุกรรม และสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อม รวมถึงปัจจัยจากมลพิษในอากาศ หากเป็นโรคภูมิแพ้เรื้อรัง และเป็นมาก จะทำให้เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม อ่อนเพลีย และนอนหลับไม่มีประสิทธิผล

วิธีป้องกันที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องพึ่งแพทย์ก็คือ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกันกับสารที่ก่อภูมิแพ้นั่นเอง แต่ถ้าอาการรุนแรงเกินกว่าจะป้องกันแล้ว ก็มีการรักษาด้วยยาหลายประเภท ซึ่งแพทย์จะสั่งให้ตามประเภทและระดับความรุนแรงของอาการ และอายุผู้ป่วย

แหล่งข้อมูล:

  1. พบคนไทย เป็นภูมิแพ้มากขึ้น ส่งผลกระทบ ชีวิตการงาน http://www.thairath.co.th/content/life/307266 [2012, November 29].
  2. Asthma. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmedhealth/PMH0001196/ [2012, November 29].