โรคพึงระวังหลังจากน้ำลด (ตอนที่ 6): โรคหัด
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 18 ตุลาคม 2554
- Tweet
ข่าวจากเว็บไซต์โรงพยาบาลกลาง "น้ำท่วม ทุกข์แรก .. โรคที่มารอซ้ำเติม ทุกข์ที่สอง" มี 9 โรคที่ควรระวัง อันได้แก่
- โรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อราและแผลพุพองเป็นหนอง
- โรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัส
- โรคปอดบวมเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและ ไวรัส
- โรคตาแดง
- โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร
- โรคฉี่หนู
- โรคไข้เลือดออก
- โรคหัด และ
- โรคไข้มาลาเรีย
โรคหัด (Measles ) เป็นการติดเชื้อในระบบหายใจ มีสาเหตุจากไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการ ไข้ ไอ น้ำมูกไหล ตาแดง และผื่นแดง สามารถติดต่อผ่านการหายใจ กล่าวคือ การสัมผัสอย่างใกล้ชิดด้วยของเหลวจากปากและจมูกของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ จะโดยการไอและจาม หรือโดยเชื้อไวรัสหัดที่แพร่กระจายอยู่แล้วในอากาศ
นอกจากนี้ การติดเชื้อยังสามารถผ่านน้ำอสุจิจากเพศสัมพันธ์ น้ำลาย หรือเยื่อเมือกของผู้ป่วย และคนเท่านั้นที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสนี้ เพราะยังไม่ปรากฏหลักฐานว่าสัตว์เป็นพาหะ โรคนี้สามารถติดต่อและแพร่กระจายได้ง่าย ประมาณ 90% ของผู้คนที่มิได้อาศัยอยู่ด้วยกัน สามารถติดเชื้อนี้ได้
ระยะฟักตัวมักไม่แสดงอาการ แต่โรคหัดจะเกิดขึ้นภายใน 9 – 12 วัน หลังจากที่ได้รับเชื้อ และจะอยู่ในสภาพติดเชื้อประมาณ 4 – 9 วัน โดย 4 วันแรกจะมีไข้ น้ำมูกไหล และตาแดง อาจมีไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้จะมีผื่นแดงเกิดขึ้นหลังจากมีไข้หลายวัน โดยเริ่มที่ศีรษะ ก่อนจะลามไปส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดอาการคัน ในที่สุดผื่นแดงจะเปลี่ยนสีกลายเป็นน้ำตาลเข้มก่อนที่จะเลือนหายไป และอาจมีจุดๆ ให้เห็นภายในปาก แต่ไม่เสมอไป เพราะจุดเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นลักษณะชั่วคราว และอาจหายไปภายในวันเดียว
ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสหัด ได้แก่
- เด็กที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เนื่องจากติดเชื้อ เอชไอวี (HIV) หรือโรคเอดส์ ( AIDS) โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) เป็นต้น
- ผู้เดินทางไปสถานที่ที่โรคหัดกำลังระบาด หรือคนที่สัมผัสกับผู้เดินทางไปสถานที่ดังกล่าว และ
- ทารกที่สูญเสียสารภูมิต้านทาน (Antibody) ที่รับมาจากแม่ ก่อนการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันตามกำหนดปรกติ
ส่วนปัจจัยเสี่ยงในกรณีโรคหัดร้ายแรง และมีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่
- การขาดสารอาหารตามหลักโภชนาการ (Malnutrition)
- มีภาวะภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง
- การตั้งครรภ์ และ
- การขาดวิตามิน เอ
ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีเฉพาะสำหรับการรักษาโรคหัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายป่วยได้ด้วยการพักผ่อน และ การรักษาประคับประคองตามอาการ อาทิ ยาแก้ปวดและลดไข้ และยาขยายหลอดลมเพื่อบรรเทาการไอ
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีอาการไม่สบายมาก ต้องรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน อาทิ โรคปอดบวม การติดเชื้อที่หู หลอดลมอักเสบ และสมองอักเสบ ซึ่งในกรณีหลัง หากเกิดขึ้นฉับพลัน (ประมาณ 15%) อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ในกรณีปอดบวม โพรงจมูกอักเสบ และหลอดลมอักเสบที่ติดเชื้อแบคเรียซึ่งเป็นผลแทรกซ้อนจากโรคหัด
แหล่งข้อมูล:
- 9 โรคร้าย ที่มากับ น้ำท่วม & หลังน้ำท่วม http://www.klanghospital.go.th/index.php/9.html [2011, October 17].
- Measles. http://en.wikipedia.org/wiki/Measles [2011, October 17].