โรคพึงระวังหลังจากน้ำลด (ตอนที่ 3): โรคไข้เลือดออก
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 15 ตุลาคม 2554
- Tweet
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยในสุขภาพและอนามัยของประชาชนในช่วงน้ำท่วมเป็นอย่างยิ่ง จึงแจ้งเตือนให้ประชาชนได้ตระหนักถึงโรคที่จะเกิดและภัยที่จะมาจากน้ำท่วม ดังนี้
- โรคทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วง หรือท้องเสีย
- โรคไข้เลือดออก
- โรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม
- โรคฉี่หนู
- โรคตาแดง
- อุบัติเหตุและการถูกสัตว์ร้ายมีพิษกัดต่อย
กรมควบคุมโรค จึงได้แนะนำวิธีหลักๆ ที่จะรับมือกับสถานการณ์นี้ ซึ่งพอสรุปได้ว่า “น้ำดื่ม อาหารสุก ร่างกายสะอาด ระวังสัตว์พิษ สุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ป้องกันโรคและภัยที่มาจากน้ำท่วม” แต่หากตนเองหรือบุคคลในครอบครัวมีอาการเจ็บป่วยดังกล่าวข้างต้นให้รีบไปพบแพทย์ตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อนที่อาการจะลุกลามและเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้น และขอให้ประชาชนเคร่งครัดปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือตามประกาศของทางราชการ
โรคไข้เลือดออก (Dengue) เกิดจากเชื้อไวรัส โดยมีอาการไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ ผื่นแดงตามผิวหนังคล้ายหัดเยอรมัน แต่ประมาณ 80% จะไม่แสดงอาการ (Asymptomatic) หรือแสดงอาการเพียงเล็กน้อย แต่ในกรณีส่วนน้อย (ประมาณ 5%) โรคนี้อาจรุนแรงไปเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต โดยเป็นไข้ที่ส่งผลให้มีเลือดออก (Hemorrhage) จากระดับเกล็ดเลือด (Platelet) ต่ำลง และจากส่วนที่เป็นน้ำเลือด (Plasma) เกิดรั่วไหลออกจากหลอดเลือด จึงส่งผลให้เกิดอาการช็อกจากมีความดันเลือดอยู่ในระดับต่ำมากๆ จนเข้าขั้นอันตราย
ยุงเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส 4 สายพันธ์ย่อยที่แตกต่างกัน แต่มีชนิดหนึ่งที่สร้างภูมิคุ้มกัน (Immonity) ให้ร่างกายได้ตลอดชีวิต คือจะไม่กลับมาเป็นโรคจากสายพันธ์นี้อีก แต่อีก 3 สายพันธ์นั้น สร้างภูมิคุ้มกันได้เพียงระยะสั้น นอกจากนั้น การติดเชื้อสายพันธ์ย่อยหนึ่ง แล้วไปติดเชื้อสายพันธ์ย่อยอื่นในเวลาต่อมา มักเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน หรือผลข้างเคียงที่รุนแรง (Severe complications) เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนสำหรับโรคนี้ การป้องกันจึงทำได้เพียงลดแหล่งที่อยู่และจำนวนยุงลง หรือการลดโอกาสที่จะถูกยุงกัด
ระยะฟักตัว (Incubation period) ของเชื้อไวรัสนี้ อยู่ระหว่าง 3 – 14 วัน ดังนั้นผู้ที่เดินทางกลับจากเขตที่มีความเสี่ยงสูง แล้วไม่มีอาการหลัง 2 สัปดาห์ ก็คงมีโอกาสน้อยที่จะเป็นโรคไข้เลือดออก แต่เด็กๆ มักมีโอกาสติดเชื้อไวรัสนี้ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ โดยมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดธรรมดา และอาจมีอาการของกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (อาเจียนและอุจจาระร่วง) และมีโอกาสสูงสำหรับภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
การรักษาโรคไข้เลือดออกฉับพลัน (Acute) ทำได้เพียงรักษาประคับประคองตามอาการ โดยแพทย์อาจให้ดื่มน้ำมากๆ หรือให้เป็นสารน้ำทางหลอดเลือดดำ (Intravenous) ในกรณีไม่ร้ายแรงนัก แต่อาจเพิ่มการให้เลือด (Blood transfusion) ในกรณีร้ายแรง
อุบัติการณ์ของไข้เลือดออก ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วยทั่วโลกอยู่ประมาณ 50 - 100 ล้านคนต่อปี
ตามประวัติศาสตร์ มีการระบุถึงสภาวะของโรคนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2322 แต่การอธิบายถึงเชื้อไวรัสและการแพร่ระบาดของเชื้อ เพิ่งจะมีขึ้นเมื่อต้นศวรรษที่ 20 โรคไข้เลือดออกได้กลายเป็นปัญหาระดับโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นโรคระดับท้องถิ่นของกว่า 110 ประเทศในปัจจุบัน นอกจากความพยายาม ที่จะกำจัดยุงให้หมดสิ้นไปแล้ว งานวิจัยหลายๆ ชิ้นก็ดำเนินไปเพื่อค้นหาวัคซีน และยารักษาโรคนี้โดยเฉพาะ
แหล่งข้อมูล:
- เผยวิธี..สี่สอ แนะประชาชนป้องกันโรคและภัยที่มาจากน้ำท่วม http://dpc9.ddc.moph.go.th/crd/news/print/2554_06_27_flood.html [2011, October 14].
- Dengue. http://en.wikipedia.org/wiki/Dengue_fever [2011, October 14].