โรคดึงผมตนเอง (ตอนที่ 3 และตอนจบ)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 22 สิงหาคม 2560
- Tweet
สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคนี้ยังไม่เป็นที่ทราบชัด อาจเป็นผลจากพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม ความผิดปกติของสมอง ส่วนปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค ได้แก่
- ประวัติครอบครัว – พันธุกรรมอาจเป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดโรคนี้
- อายุ – โรคนี้มักเป็นก่อนหรือระหว่างที่เป็นวัยรุ่น ที่อายุประมาณ 10-13 ปี และมักเป็นไปตลอดชีวิต
- ความเครียด
- การขาดสารเซโรโทนิน (Serotonin) ในสมอง
- มีความผิดปกติด้านอื่น – เช่น เป็นโรคซึมเศร้าหดหู่ วิตกกังวล หรือโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-compulsive disorder = OCD)
แม้ว่าอาการจะไม่รุนแรงมาก แต่โรคดึงผมตนเองก็สามารถทำให้เกิดผลกระทบด้านลบหลักๆ ดังนี้
- รู้สึกเป็นทุกข์ อาย อัปยศอดสู (Humiliation) อึดอัดใจ (Embarrassment) ความพึงพอใจในตนเองต่ำ (Low self-esteem) ซึมเศร้าหดหู่ (Depression) วิตกกังวล (Anxiety)
- มีปัญหาในการทำงานและสังคม โดยผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะพลาดโอกาสในการทำงานและหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางสังคม ชอบใส่วิกหรือใส่ขนตาปลอม และบางคนไม่อยากจะใกล้ชิดผู้อื่นเพราะกลัวว่าผู้อื่นจะรู้ถึงสภาพที่ตนเองเป็น
- ผิวหนังและผมถูกทำลาย อาจติดเชื้อบริเวณที่ดึงหรือผมไม่ขึ้นบริเวณนั้นๆ อีกเลย (Alopecia)
- เป็นโรคก้อนขน (Hairball / Trichobezoar) เพราะการกินเส้นผมจะทำให้ปริมาณขนที่สะสมในกระเพาะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับการบีบตัวของกระเพาะอาหารเป็นส่วนช่วยคลึงเคล้าปั้นก้อนขนให้ค่อยๆ เกาะพันกันและขยายขึ้น ตลอดจนมีลักษณะเป็นก้อนกลม แฮร์บอลล์ที่มีขนาดโตขึ้นจะคับเต็มกระเพาะอาหารทำให้เกิดอาการอาเจียนบ่อยๆ น้ำหนักลด ลำไส้อุดตัน และแม้แต่เสียชีวิต
การวินิจฉัยว่าเป็นโรคดึงผมตนเองหรือไม่ ทำได้ด้วยการ
- ตรวจสอบว่าผมร่วงขนาดไหน
- ถามคำถามและคุยกันเรื่องผมร่วง
- ขจัดสาเหตุอื่นที่อาจเป็นปัญหาของการร่วง
- ระบุถึงปัญหาสภาพร่างกายและจิตใจที่อาจเกี่ยวข้องกับการร่วง
- เทียบกับหลักเณฑ์ Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5) ที่จัดทำโดยสมาคมจิตเวชของสหรัฐอเมริกา
สำหรับการรักษาอาจทำได้โดยใช้
- การรักษาด้วยพฤติกรรมบำบัด ที่เรียกว่า Habit reversal training โดยสอนให้ผู้ป่วยรู้เท่าทันอาการขณะเกิดความอยากจะดึงและควรทำพฤติกรรมใดทดแทน เช่น อาจจะกำหมัดให้แน่นๆ หรือเปลี่ยนทิศทางของมือจากการจับผมไปจับหูแทน
- การบำบัดด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive therapy)
- การรักษาด้วยการยอมรับและการให้สัญญา (Acceptance and commitment therapy = ACT)
แม้ว่า FDA จะยังไม่ได้มีการอนุมัติให้ใช้ยาตัวใดเป็นพิเศษในการรักษาโรคนี้ แต่ก็มียาบางตัวที่อาจใช้ช่วยควบคุมอาการได้ เช่น ยา Clomipramine ยา N-acetylcysteine และยา Olanzapine อย่างไรก็ดี ต้องระวังเรื่องผลข้างเคียงจากการใช้ยาด้วย
แหล่งข้อมูล:
- Trichotillomania (hair-pulling disorder). http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/trichotillomania/home/ovc-20268509 [2017, August 20].
- Trichotillomania. http://www.webmd.com/anxiety-panic/guide/trichotillomania#1 [2017, August 20].
- Trichotillomania. http://www.nhs.uk/conditions/trichotillomania/Pages/introduction.aspx [2017, August 20].