โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคฮิตของผู้หญิง (ตอนที่ 3)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 28 ธันวาคม 2555
- Tweet
ปัจจัยต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ :
- มีการสวน สายสวน เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ
- ท่อปัสสาวะหรือกระเพาะปัสสาวะอุดตัน
- เป็นโรคเบาหวาน
- ต่อมลูกหมากโต ทำให้ท่อปัสสาวะตีบแคบลง หรือมีสิ่งอื่นที่ขวางการไหลของปัสสาวะ
- ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ (Bowel incontinence)
- อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
- ปัสสาวะไม่หมด ทำให้มีการคั่งค้างของน้ำปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะ (Urinary retention)
- ระบบทางเดินปัสสาวะได้รับการกระทบกระเทือน
- ขาดการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน (Immobile) เช่น คนที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวเพราะกระดูกสะโพกหัก
เราสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้โดย :
- อย่ากลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ จนกระเพาะปัสสาวะเต็ม และพยายามปัสสาวะออกให้หมดทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าคับๆ และถุงน่องไนล่อน ควรใช้ชุดชั้นในผ้าฝ้าย ซึ่งระบายอากาศได้ดีกว่า
- รักษาความสะอาดอยู่เสมอ ในผู้หญิงหลังปัสสาวะแล้ว ให้ทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะ
- ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อขับเชื้อแบคทีเรียออกจากร่างกาย มีงานศึกษาบางฉบับที่ระบุว่า น้ำแครนเบอรี่ (Cranberry juice) อาจช่วยลดจำนวนแบคทีเรียในปัสสาวะลงได้
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่มีผลต่อกระเพาะปัสสาวะ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟ
- อาบน้ำโดยใช้ฝักบัวแทนการใช้อ่างอาบน้ำ
- ถ่ายปัสสาวะ หลังการมีเพศสัมพันธ์เสมอ
- ถ้ามีการใช้แผ่นครอบปากมดลูก (Diaphragms) และการใช้สารฆ่าตัวอสุจิ (Spermicide) แล้วทำให้เกิดการติดเชื้อบ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีคุมกำเนิดอื่นแทน
โดยทั่วไปมักมีการเก็บปัสสาวะเพื่อนำไปวิเคราะห์ดังนี้
- การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) เพื่อดูเซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์เม็ดเลือดแดง แบคทีเรีย และตรวจสาร Nitrate ที่มีอยู่ในปัสสาวะ วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้มากที่สุดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
- การเพาะเชื้อ (Urine culture - clean catch) เป็นวิธีที่ใช้เพื่อให้แน่ใจว่าควรใช้ยาปฏิชีวนะตัวใดในการรักษา
การตรวจปัสสาวะมักจะแสดงได้ว่าท่านมีกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือไม่ แต่หากท่านมีการติดเชื้ออยู่บ่อยๆ หรือมีข้อบกพร่องทางกายวิภาค (Anatomical defect) ที่เป็นสาเหตุของปัญหา แพทย์อาจให้มีการส่องกล้องดูภายในกระเพาะปัสสาวะและต่อมลูกหมาก (Cystoscopy)
เพื่อให้แน่ใจว่าไตยังปกติดีอยู่ แพทย์อาจสั่งให้ทำซีทีสแกน/เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan = Computed Tomography) ช่องท้องและกระดูกเชิงกราน หรือทำอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ระบบทางเดินปัสสาวะทั้งหมด
แหล่งข้อมูล:
- Cystitis – acute. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/000526.htm [2012, December 27].
- Understanding Bladder Infections – Prevention. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/understanding-bladder-infections-prevention [2012, December 27].
- Understanding Bladder Infections -- Diagnosis and Treatment. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/understanding-bladder-infections-diagnosis_and_treatment [2012, December 27].